บทที่ 168 ความคิดชั่วร้ายมากมาย
หลังจมอยู่ในห้วงความคิดได้ไม่นาน จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็ออกจากลานด้านในทันที
เมื่อนางเห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ยืนอยู่ในลานพลางมองดูตนโดยไม่ปกปิดความรังเกียจ หญิงสาวก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ “แม่เล็กว่าจะตักน้ำ เดี๋ยวเอาน้ำไปส่งพร้อมกับเจ้าดีหรือไม่?”
ได้ยินเช่นนี้ หลิงซีก็ประหลาดใจ “ท่านไม่คุ้นเคยกับงานในไร่นา เหตุใดถึงยอมไปทำนากับเราด้วย?”
“ดูเด็กอย่างเจ้าพูดสิ ข้าแค่ยังไม่ชินเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปทุ่งนากับเจ้าไม่ได้เสียหน่อย” จินเสวี่ยเอ๋อร์พูดขณะรับกาน้ำมาจากมือเด็กหญิง
มีบ่อน้ำอยู่ที่ลานหน้าบ้านเมิ่ง ดังนั้นจึงสามารถตักน้ำจากบ่อได้
จินเสวี่ยเอ๋อร์พยายามอย่างเต็มที่เพื่อตักน้ำครึ่งถัง จากนั้นก็เทลงในกาน้ำ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือหลิงซีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไปกันเถอะ หลิงซีตัวน้อยของข้า!”
เดิมหลิงซีคิดว่าจินเสวี่ยเอ๋อร์จะปฏิเสธ นางตัวสั่นเมื่อได้ยินจินเสวี่ยเอ๋อร์พูดว่า ‘หลิงซีตัวน้อยของข้า’ และเกือบจะวิ่งหนีไป
แต่เด็กหญิงก็ยังกลั้นใจอยู่ต่อ เพราะจำคำสอนของหลี่เยว่หานได้ว่านางไม่อาจหยาบคาย
ดังนั้น แม้เด็กหญิงไม่ต้องการ แต่ก็ต้องตกลง
“เจ้าค่ะ แม่เล็ก”
ที่ดินส่วนใหญ่อยู่รอบ ๆ หมู่บ้าน ทว่าที่ดินที่หลี่เยว่หานซื้อนั้นอยู่ห่างออกไปอีกหน่อย
ตอนแรกหลิงซียังรู้ทางอยู่
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ยิ่งเดินไปไกลเท่าไร เด็กหญิงก็ยิ่งรู้สึกว่านางอยู่ผิดที่
“ที่ดินของอาหญิงเจ้าอยู่ไกลมาก ต่อไปมันจะไม่ลำบากมากหรือ?” ระหว่างพัก จินเสวี่ยเอ๋อร์ให้หลิงซีจิบน้ำ พลางใช้มือทำเป็นพัด ค่อย ๆ พัดความร้อนที่ไม่มีอยู่จริงออกไปให้เด็กหญิง
“ไม่ เมื่อครู่ตอนที่ข้าเดินกลับมาใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น มันเท่ากับครึ่งหนึ่งของระยะทางที่ข้ามักจะเดินไปยังทุ่งพริกไทยบนภูเขากับอาหญิง เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินนานขนาดนี้!” หลิงซีพึมพำอย่างหดหู่
เมื่อมองไปรอบ ๆ หลิงซีก็ตระหนักว่าทิวทัศน์รอบตัวนางเปลี่ยนไป และพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “แม่เล็ก เรากำลังเดินไปผิดทางรึเปล่า?”
“ข้าไม่รู้ ข้าไม่เคยไปที่ดินอาหญิงของเจ้า ดังนั้นข้าเลยไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน” ในครั้งนี้จินเสวี่ยเอ๋อร์บอกความจริง
“ไม่ เราต้องกลับไปตามทางที่เรามา แล้วไปถามพวกลุงในหมู่บ้าน ไม่อย่างนั้นจะหลงทางได้ง่าย ๆ พอมันมืดพวกเราอาจจะถูกหมาป่าจับกิน!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็ส่งเสียงเยาะในใจอย่างเย็นชา แต่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเมตตา “ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ จะไม่มีหมาป่าตัวใดมาทั้งนั้น” ขณะที่พูด นางก็อุ้มหลิงซีเข้าไปในอ้อมแขนและตบปลอบ หญิงสาวพูดว่า “หลิงซีคงจะเหนื่อยแล้ว เจ้านอนสักพักเถอะ พอเจ้าตื่น ข้าสัญญาว่าเจ้าจะถึงที่หมายแล้ว”
ถ้าจินเสวี่ยเอ๋อร์ไม่พูดก็ไม่เป็นไร แต่หลังจากพูดแบบนี้ หลิงซีก็รู้สึกง่วงเล็กน้อยจริง ๆ
“ถ้าอย่างนั้น… ถึงแล้วก็เรียกข้า…” ขณะที่พูดนั้น หลิงซีก็ล้มตัวลงนอน
เด็กในวัยนางมักจะต้องนอนพักผ่อนเยอะ ๆ ยิ่งไปกว่านั้น จินเสวี่ยเอ๋อร์ยังใส่ยาลงในถุงน้ำ ดังนั้นเด็กหญิงจึงหลับไปและจะไม่ตื่นก่อนฟ้ามืด
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หญิงสาวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางเอาผ้าผืนยาวที่แสร้งใช้เป็นผ้าประดับมาผูกรอบเอว มัดรอบตัวหลิงซีแล้ววางนางไว้ที่ด้านหลังตน จากนั้นจินเสวี่ยเอ๋อร์ก็เดินออกจากหมู่บ้านไป
เมื่อเห็นฉากนี้ กัวอี้ซึ่งแอบดูหญิงสาวอย่างลับ ๆ ก็กำลังจะรีบออกไปหยุดนาง ทว่าถูกมือหนึ่งรั้งไว้
“คะ… คุณชาย?” กัวอี้เบิกตากว้างอย่างไม่คาดคิด
“หว่านแหรอจับปลาตัวใหญ่” เมิ่งฉีฮ่วนจ้องจินเสวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังจากไปอย่างไม่คลาดสายตา ดวงตาของเขาลึกล้ำและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเขาส่งคนไปตรวจสอบ เหตุผลที่จินเสวี่ยเอ๋อร์มาที่หมู่บ้านไป๋อวิ๋นนั้นเป็นเพราะถูกใครบางคนยุยงจริง ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสั่งการ
“แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลิงซี…” ความหมายของกัวอี้นั้นชัดเจน
“ข้าจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับนาง” เมิ่งฉีฮ่วนพูด และบอกกัวอี้ให้ติดตามจินเสวี่ยเอ๋อร์ไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็กลับไปที่ทุ่งนาของหลี่เยว่หาน
ตอนนี้หลี่เยว่หานกำลังใช้วัวไถนา
เธอทำเรื่องแบบนี้บ่อยมาก ดังนั้นแม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากบุรุษ หญิงสาวก็ยังเลี้ยงวัวให้เชื่องได้
ทว่าแสงแดดต้นฤดูใบไม้ผลิก็ทำให้ดวงตาของเธอตาพร่าเลือนเล็กน้อย เมิ่งฉีฮ่วนยืนอยู่ที่นั่นพักหนึ่ง ก่อนจะโบกมือให้หลี่เยว่หานเข้ามาหา
“มีเรื่องอะไร?” หลี่เยว่หานปาดเหงื่อออกจากใบหน้าและลำคอ จากนั้นก้าวไปข้างหน้าพลางถามว่า “เหตุใดวันนี้เจ้าถึงกลับมาเร็วขนาดนี้? เอ๊ะ! หลิงซีอยู่ไหนล่ะ?”
“จริงด้วย หลิงซีอยู่ไหนล่ะ?” เมิ่งฉีฮ่วนถามอย่างเงียบ ๆ
“ข้าขอให้หลิงซีกลับบ้านไปเอาน้ำมา” หลี่เยว่หานพูดพร้อมเช็ดเหงื่อบนหน้าผากด้วยแขนเสื้อ “ข้าเห็นเจ้ามาแล้ว จึงคิดว่าหลิงซีก็มากับเจ้าด้วย”
หลังจากพูดอย่างนั้น หลี่เยว่หานก็ยิ้มอย่างไร้เดียงสา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็ขมวดคิ้ว “หลิงซีไปที่บ้านนานแค่ไหนแล้ว?”
“ก็…” หลี่เยว่หานคำนวณอย่างรอบคอบและดูไม่พอใจทันที “นานกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว! แม้จะตักน้ำก็ใช้เวลาไม่นานขนาดนั้น!”
“ข้าเพิ่งกลับมาจากบ้าน” เมิ่งฉีฮ่วนพูดอย่างจริงจัง “แต่ที่บ้านไม่มีใครเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็เบิกตากว้าง “แล้วจินเสวี่ยเอ๋อร์อยู่ที่ไหน?”
“ไม่อยู่เช่นกัน!”
“สัมภาระของนางอยู่ที่ไหน” หลี่เยว่หานถามอีกครั้ง
“ข้าไม่ได้ดู แต่ข้าเดาว่าสัมภาระทั้งหมดน่าจะอยู่ที่นั่น” ขณะที่พูดอย่างนั้น เมิ่งฉีฮ่วนก็ส่งกระดาษให้หลี่เยว่หาน “ข้าพบสิ่งนี้ที่เท้าของนกอินทรียามข้าล่ามัน…”
หลังได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็รีบเปิดดู ใบหน้าของเธอพลันซีดลงทันที
“อะไร… หมายความว่ายังไง?” หลี่เยว่หานชูข้อความขึ้นมาและถามเมิ่งฉีฮ่วน “นี่เกี่ยวกับผู้หญิงบ้านั่น?”
เมื่อเห็นหลี่เยว่หานกังวล เมิ่งฉีฮ่วนจึงมอบหมายงานไถให้กับชายแซ่หลี่ข้างบ้านซึ่งยุ่งอยู่กับทุ่งนาอย่างรวดเร็ว เขาให้ค่าจ้างอีกฝ่ายสิบทองแดง ก่อนจะพาหญิงสาวกลับบ้าน
“บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น บอกข้ามาเร็ว ๆ เข้า!” หลังจากปิดประตูบ้าน หลี่เยว่หานก็คว้าคอเสื้อของเมิ่งฉีฮ่วน “อย่าคิดว่าหลิงซีและข้าเพิ่งใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงเล็กน้อยแล้วข้าจะไม่เป็นห่วงนางนะ!”
“แน่นอน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงนาง ข้าก็เลยพาเจ้ากลับมาเพื่อบอกบางอย่าง” ชายหนุ่มลดเสียงลง คว้ามือของหญิงสาวที่จับเสื้อผ้าของเขาออก ก่อนจะพูดว่า “ข้าคาดว่าเป็นจินเสวี่ยเอ๋อร์ที่พาหลิงซีไป”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็ตกตะลึง “ทำไมกัน? จะไม่ดีกว่าหรือถ้าขโมยลัญจกรหยกที่ท่านใส่ไว้ในลิ้นชัก? การขโมยเด็กเล็กจะทำให้ยุ่งยาก ตั้งแต่ต้นนางมุ่งเป้าไปที่ท่าน ลัญจกรหยกก็อยู่ที่นั่นแล้ว เหตุใดนางถึงลักพาตัวหลิงซีไป? นางต้องการให้เราแลกเปลี่ยนกับลัญจกรหยกรึ?”
ตั้งแต่ต้น ทั้งเมิ่งฉีฮ่วนและหลี่เยว่หานต่างคาดการณ์ว่าเป้าหมายของจินเสวี่ยเอ๋อร์ที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันคงเป็นลัญจกรหยก เพราะทุกคนรู้ดีว่าชายหนุ่มได้พาลูก ๆ ขององค์รัชทายาทและลัญจกรหยกหนีไป
จินเสวี่ยเอ๋อร์หายตัวไป ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผู้คนต้องครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่แทนที่จะลักพาตัวหลิงซี ทำไมนางไม่ขโมยลัญจกรหยกเล่า?
รู้หรือไม่ว่าหลี่เยว่หานใช้ความพยายามอย่างหนักในการหาคนมาปลอมลัญจกรหยกแล้ววางไว้ในห้องของเมิ่งฉีฮ่วน จินเสวี่ยเอ๋อร์ไม่สังเกตเห็นมันหรือ?
MANGA DISCUSSION