บทที่ 166 ไม่ทำตามกิจวัตร
เมื่อเห็นว่าจินเสวี่ยเอ๋อร์ไม่ขยับ เมิ่งฉีฮ่วนก็เอียงศีรษะเพื่อแสดงความสับสน “พี่สะใภ้ มีปัญหาอะไรรึ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็โบกมืออย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติ “ไม่ ข้าแค่รู้สึกว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว ข้าไม่ควรไปสาย ข้า… ข้าจะไปรับมู่ชวนก่อนนะ!”
หลังจากพูดจบ จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็หันหลังแล้ววิ่งออกไป
เมื่อมองแผ่นหลังของอีกฝ่าย เมิ่งฉีฮ่วนก็ลูบนิ้วของเขาด้วยรอยยิ้มครึ่งหนึ่ง
อย่าเพิ่งรีบร้อน… ตอนนี้เขาต้องหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมจินเสวี่ยเอ๋อร์ถึงมาที่นี่ และคนที่อยู่ข้างหลังนางเป็นใคร ไม่เช่นนั้น อาศัยเรื่องที่นางตบหลี่เยว่หาน จากนิสัยตามปกติของเมิ่งฉีฮ่วน คอของอีกฝ่ายคงจะถูกหักทิ้งไปนานแล้ว
เมิ่งฉีฮ่วนหรี่ตาลง เมื่อเขาคิดว่าจินเสวี่ยเอ๋อร์กล้าตบหลี่เยว่หาน
ระหว่างทางไปรับมู่ชวน จินเสวี่ยเอ๋อร์รีบหยิบหมั่นโถวครึ่งชิ้นจากแขนเสื้อมายัดเข้าปาก นางแอบดีใจที่เมิ่งฉีฮ่วนดูเหมือนจะไม่พบอะไรเลย แต่นางไม่รู้ว่ากัวอี้ที่แอบสังเกตการณ์ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดนี้
เมื่อเห็นจินเสวี่ยเอ๋อร์กินขณะเดิน กัวอี้ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
เป็นไปได้หรือไม่ที่คุณชายของพวกเขาไม่ให้อาหารจินเสวี่ยเอ๋อร์?
ไม่เพียงแต่กัวอี้เท่านั้นที่คิดเช่นนั้น แม้แต่ชาวบ้านที่เห็นจินเสวี่ยเอ๋อร์บนท้องถนนก็คิดเช่นเดียวกัน
“โอ้ นั่นแม่เล็กของมู่ชวนกับหลิงซีไม่ใช่หรือ? ทำไมนางถึงเดินไปกินไปล่ะ? ข้าคิดว่านางดูไม่มีมารยาท พวกเราที่ทำงานในทุ่งนาก็ยังไม่กินตอนเดินเลย เหตุใดนางถึงทำเช่นนั้น?”
“บางทีนางอาจจะกินอาหารที่ขโมยมาจากบ้านเมิ่ง เพราะไม่สามารถกินมันที่บ้านเมิ่งได้ จึงขโมยมันมาจากบ้านเมิ่ง”
“เป็นไปไม่ได้ สะใภ้บ้านเมิ่งไม่ใช่คนที่จะอดอาหารผู้อื่น”
“มีอะไรเป็นไปไม่ได้บ้าง? พี่เมิ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นพี่สะใภ้ของเขา พี่สะใภ้กับน้องสามี เจ้าคิดว่า…”
…
ภายใต้การคาดเดาต่าง ๆ จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็กินหมั่นโถวที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งหมดไปแล้ว นางเช็ดคราบน้ำมันบนปากของตน ทักทายมู่ชวนด้วยรอยยิ้ม และหยิบย่ามใส่ตำราจากมือของมู่ชวนอย่างมีน้ำใจ “เจ้าตั้งใจเรียนดีจริง ๆ เรากลับไปกินข้าวกันเร็ว ๆ นี้เถอะ”
ดวงตาที่สับสนของมู่ชวนตกลงไปที่แขนเสื้อของจินเสวี่ยเอ๋อร์ ซึ่งมีรอยเปื้อนจากน้ำมันหมั่นโถวและพูดว่า “เจ้าแอบกินหรือ?”
จินเสวี่ยเอ๋อร์ไม่คิดว่ามู่ชวนจะพูดตรงขนาดนี้ นางตกตะลึง “อะไรนะ?”
“ข้าบอกว่าเจ้าแอบขโมยของกินมารึ แขนเสื้อจึงเป็นแบบนี้?” มู่ชวนมองนางด้วยความรังเกียจ “อาหญิงทำอาหารบ่อยมากจนทุกครั้งครอบครัวของเราสี่คนกินไม่หมด ทำไมต้องแอบกินด้วย?”
เมื่อมู่ชวนพูดเช่นนี้ จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็หน้าแดงทันที “ข้าไม่ได้… ข้าแค่… ไปส่งเจ้ายังสำนักศึกษาในตอนเช้าโดยไม่ได้กินอะไรมาก ทั้งประตูห้องครัวก็ถูกปิดหลังจากที่ข้ากลับไป…”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปบอกอาหญิงสิ อาหญิงไม่มีทางไม่ให้อาหารเจ้ากิน” มู่ชวนมองจินเสวี่ยเอ๋อร์อย่างจริงจัง “คราวหน้าอย่าขโมยแบบนี้ คนที่ไม่รู้จะคิดว่าอาหญิงรังแกเจ้า”
หลังจากพูดจบ มู่ชวนก็คว้าย่ามใส่ตำราของเขาจากมือของจินเสวี่ยเอ๋อร์ และเดินกลับบ้านด้วยตัวเอง
ตอนนี้เขายังไม่รู้ข่าวที่หลิงซีตกลงไปในน้ำ ดังนั้นฝีเท้าของเขาจึงไม่เร็วอะไรนัก
สะใภ้บ้านชิวนั่งอยู่ที่ประตูบ้านของนางพร้อมกับชามข้าวในมือ นางมักจะชอบนินทาที่ประตูบ้าน ยามนี้เมื่อนางเห็นมู่ชวนที่กำลังเดินกลับบ้าน โดยมีจินเสวี่ยเอ๋อร์ติดตามมา สะใภ้ชิวก็ลุกขึ้นยืนทันที
“มู่ชวน! น้องสาวของเจ้าตกลงไปในแม่น้ำ!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ มู่ชวนก็หันหน้าไปดู แล้วเห็นว่าเป็นสะใภ้บ้านชิว จึงทำหน้าหม่นทันที “ป้าชิว ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไรขอรับ?”
“เจ้ายังไม่รู้รึ? ไม่นานมานี้ อาหญิงของเจ้าพาหลิงซีไปซักเสื้อผ้าที่ริมแม่น้ำ จากนั้นหลิงซีก็ตกลงไปในน้ำ!” สะใภ้บ้านชิวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “โชคดีที่อาหญิงของเจ้าตอบสนองไว กระโดดลงไปคว้านางทันที ท่านอาของเจ้าก็รีบกลับบ้านไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาควรจะอยู่ที่บ้าน แม่เล็กที่อยู่ข้างหลังเจ้าไม่ได้บอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ?”
ขณะที่นางพูดเช่นนั้น สะใภ้ชิวก็เหลือบมองจินเสวี่ยเอ๋อร์ที่ตามอยู่ข้างหลังมู่ชวน
จินเสวี่ยเอ๋อร์คิดว่าแค่เรื่องหลิงซีตกน้ำ พอมู่ชวนกลับถึงบ้านก็รู้เอง ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะบอกเขาระหว่างทาง
เมื่อสะใภ้ชิวเอ่ยปาก ในสายตาของเด็กชายจะต้องคิดเพียงว่าจินเสวี่ยเอ๋อร์ตั้งใจทำมัน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็อธิบายอย่างรวดเร็ว “มู่ชวน ข้าคิดว่าเจ้าจะรู้เรื่องเองเมื่อกลับถึงบ้าน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำให้เจ้าเป็นกังวลระหว่างทาง อีกทั้งหลิงซีกับอาหญิงของเจ้าสบายดี อย่างไรมันก็จะทำให้เจ้ากังวลเปล่า ๆ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ มู่ชวนก็มองจินเสวี่ยเอ๋อร์อย่างแข็งกร้าว ก่อนวิ่งกลับไปที่บ้าน
สะใภ้ชิวไม่เข้าใจพฤติกรรมของจินเสวี่ยเอ๋อร์ เมื่อเห็นว่าตนประสบความสำเร็จในการยั่วยุอีกฝ่าย นางก็พูดด้วยวิธีแปลก ๆ ว่า “เฮ้อ ใครในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นไม่รู้บ้างว่า คนที่มู่ชวนเป็นห่วงที่สุดคือยัยหนูหลิงซีนั่น”
หลังจากพูดแล้ว สะใภ้ชิวก็กลับบ้านอย่างพึงพอใจ
จินเสวี่ยเอ๋อร์ยืนตัวสั่นด้วยความโกรธอยู่ที่นั่น แต่นางไม่กล้าแสดงออกมา
ก่อนที่นางจะมาที่หมู่บ้านไป๋อวิ๋น นางคิดว่าตนเองเชี่ยวชาญในเรื่องการวางแผนเป็นอย่างดี และการจัดการกับชาวบ้านที่โง่เขลาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่หลังจากมาที่หมู่บ้านไป๋อวิ๋น จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็หงุดหงิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า หญิงสาวพลันตระหนักว่าความคิดของชาวบ้านที่โง่เขลาเหล่านี้ แตกต่างจากสตรีหลังบ้านอย่างสิ้นเชิง!
จินเสวี่ยเอ๋อร์ที่พลันรู้สึกตัว หายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งแล้วรีบวิ่งไปที่บ้านเมิ่ง
นางต้องรีบทำให้เด็กสองคนนี้ยอมรับนาง ไม่เช่นนั้น…
เมื่อกลับมาที่บ้านเมิ่ง หญิงสาวก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในลาน มีแค่เมิ่งฉีฮ่วนกำลังทำอาหารอยู่ในครัว
เมื่อเห็นเช่นนี้ จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็เข้าไปในครัวอย่างอ่อนแรงทันทีและพูดว่า “น้องเมิ่ง บุรุษที่ดีควรอยู่ไกลจากครัว ดังนั้นให้ข้าทำเถอะ”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็ยังไม่เงยหน้าขึ้น “ไม่เป็นไร พวกเราในชนบทไม่ได้สนใจอะไรมากนัก หลิงซีกับเยว่หานกำลังไม่พอใจข้า ถ้าข้าไม่ทำตัวให้ดี พวกนางจะรวมใจบอกให้มู่ชวนกีดกันข้าด้วย..”
ขณะที่พูด เมิ่งฉีฮ่วนก็หยิบเนื้อสีดำออกมาจากหม้อ ซึ่งเขารู้ว่ามันถูกเก็บไว้นานแล้ว
แม้จะมีกลิ่นหอมอยู่ในอากาศ แต่จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังถามว่า “นี่คือเนื้ออะไรรึ? มันดูเน่าแล้ว เจ้าคิดจะใช้มันทำอาหารให้พวกเขากินหรือ?”
“เนื้อนี้ทำจากสูตรเฉพาะของเยว่หาน” คล้ายเมิ่งฉีฮ่วนจะไม่สังเกตเห็นการกระตุ้นในน้ำเสียงของจินเสวี่ยเอ๋อร์ “เนื้อที่ทำด้วยวิธีนี้ เพียงแค่ทอดง่าย ๆ มันก็จะมีกลิ่นหอมมากออกมา พี่สะใภ้ ข้าจะเก็บไว้ให้ท่านบางส่วน ดังนั้นวันนี้ตอนเที่ยงข้าจะไม่มากินข้าวด้วยนะ”
ขณะที่พูด เมิ่งฉีฮ่วนก็เตรียมอาหารเสร็จแล้ว โดยทิ้งจานผักกับจานเนื้อสัตว์เอาไว้ หลังจากทิ้งชามข้าว ชายหนุ่มก็ยกหม้ออาหารพร้อมฝาออกจากห้องครัวไป โดยเข้าไปในครัวของลานชั้นใน
“พี่สะใภ้ หลังกินข้าวเสร็จ โปรดเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย!” คนออกไปแล้ว แต่เสียงก็ไม่วายลอยเข้ามา
จินเสวี่ยเอ๋อร์โกรธมากจนกัดฟัน แต่นางก็ต้องอดทน
ยังไม่ถึงเวลา มันยังไม่ถึงเวลา…
หากไม่สามารถทำให้หลี่เยว่หานกับเมิ่งฉีฮ่วนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีจนแยกออกจากกันได้ เช่นนั้นต้องใช้วิธีอื่นแล้ว!
MANGA DISCUSSION