ตอนที่ 281 ทุบอกกระทืบเท้า
“น้าเหยา!”
เมื่อเห็นร่างคุ้นตาปรากฏขึ้นที่ทางแยก ต้าหลางพลันตะโกนเสียงดัง เมื่อเห็นคนข้างรถม้าโบกมือตอบรับ ใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายจึงค่อยวางลงได้
ลุงเก้าซึ่งถูกผู้ใหญ่บ้านส่งออกไปเพิ่งเดินทางถึงในเมือง เรื่องราวก็ยุติลงแล้ว ตอนนี้จึงถือโอกาสติดตามฉินเหยาและพวกเขากลับมาด้วยกัน
พอเห็นร่างอันกระวนกระวายของผู้ใหญ่บ้านแต่ไกล ลุงเก้าก็เร่งฝีเท้าเข้าไปหาผู้ใหญ่บ้านเป็นคนแรก ชูถุงไข่ไก่ที่ได้มาเปล่าๆ ในมือขึ้นพลางกล่าวอย่างร่าเริงว่า “ดูสิ นี่คือไข่ไก่สดใหม่ที่ฉินเหนียงจื่อนำทุกคนไปเอามาจากไร่ของหวังหม่าอู่เชียวนะ”
ผู้ใหญ่บ้านงุนงงเล็กน้อย เมื่อมองดูอีกครั้งจึงพบว่าหลิวไป่ หลิวฉีและคนอื่นๆ ที่ตามหลังรถม้ามานั้น ในมือล้วนถือสิ่งของอยู่ทั้งสิ้น ไม่เป็นผลไม้ตามฤดูกาลก็เป็นผักนานาชนิด บางคนถึงกับถือจานขนมที่ยังกินไม่หมดครึ่งจานมาด้วย
ใช่แล้ว แม้แต่จานก็ยังเอากลับมา!
หลิวเหล่าฮั่นและคนในตระกูลที่แต่เดิมรอคอยอย่างร้อนใจพลันตกตะลึงอ้าปากค้างไปในทันใด
“พวกเจ้ามิใช่ไปช่วยคนหรอกรึ แล้วเจ้าสามเล่า” หลิวเหล่าฮั่นเอ่ยถามอย่างกังวล
หลิวไป่พยักหน้า กล่าวว่าหลิวจี้ยังอยู่ดีมีสุข หลิวเฝยและหลิวฉี สองหนุ่มน้อยหัวเราะฮ่าๆแล้วเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ออกมา
แน่นอนว่ามีส่วนที่เสริมแต่งเกินจริงอยู่บ้าง ฟังจนหลิวจ้งและเหล่าคนงานหญิงที่ไม่ได้ไปยังที่เกิดเหตุในตอนนั้นรู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่าน!
หลิวเฝยเอ่ย “หวังหม่าอู่อันใดกัน อันธพาลเจ้าถิ่นอันใด เมื่อได้พบผู้จัดการใหญ่ฉินของเราก็มิใช่ต้องคืนสิ่งของที่ปล้นไปตามจำนวนแต่โดยดีรึ!”
หลิวฉีกล่าวว่า “ข้ายังวิ่งไปเรียกเจ้าหน้าที่ของทางการมาด้วยนะ ฉากในตอนนั้นน่ะ เลือดนองเต็มพื้น แต่พวกเจ้าทายดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้จัดการใหญ่ฉินของเรานั่งอยู่เฉยๆ ส่วนหวังหม่าอู่อันธพาลนั่นกลับถือใบไม้พัดวีให้นาง ช่างดูนอบน้อมยิ่งนัก…”
ซุ่นจื่อหมุนของในมือที่ถือมาให้เหล่าคนงานดู “ดูสิ ดูสิ! ของเหล่านี้ล้วนเป็นของขอขมาทั้งนั้น!”
นางเหอตบขาตัวเองฉาดใหญ่ “โอ๊ย มารดาข้าเอ๋ย! หากข้ารู้แต่แรกว่าพวกเจ้ากินอิ่มแล้วยังได้ห่อกลับมาอีก ข้าคงไม่สนใจผักในหม้อนั่น คว้าไม้ฟืนตามพวกเจ้าไปด้วยแล้ว!”
ตอนนี้พอเห็นของในมือผู้อื่น นางก็รู้สึกเสียดายจนเจ็บใจเหลือทน!
นางชิวเอ่ยเตือนพี่สะใภ้ใหญ่อย่างจนใจ “บ้านเรามิใช่มีพี่ใหญ่กับเจ้าสี่นำของกลับมาด้วยรึ ข้าเห็นในมือเจ้าสี่ยังถือหมูแดดเดียวเส้นอยู่ด้วยนะ”
“จริงรึ?” นางเหอรีบมองหาร่างของหลิวเฝย เขากับหลิวฉีกำลังถูกชาวบ้านและคนงานล้อมเอาไว้อยู่ กำลังเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นราวกับนักเล่านิทาน ปากเล็กๆ นั้นขยับพูดไม่หยุด
ทว่าในบรรดาสิ่งของที่ถืออยู่ในมือนั้น มีหมูแดดเดียวเส้นอยู่เส้นหนึ่งจริงๆ นางเหอถอนหายใจออกมาเบาๆ ในที่สุดก็รู้สึกสบายใจขึ้น
แต่ว่า…
“ผู้จัดการใหญ่ฉิน!” นางเหอเบียดฝูงชาวบ้านที่ล้อมอยู่หน้ารถม้าเข้าไป ชี้มือไปยังโรงงาน “อาหารกลางวันทำไว้แล้ว แต่สุดท้ายทุกคนก็ไม่ได้กิน มีเพียงพวกเราคนงานหญิงที่ได้กิน ยังเหลือข้าวกับกับข้าวอีกหม้อใหญ่ จะทำอย่างไรดี”
อากาศร้อน ข้าวปลาอาหารเก็บไว้นานไม่ได้ “หรือว่าจะแบ่งให้ทุกคนนำกลับบ้านไปดี?”
ฉินเหยามิได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ กำลังกำชับเหล่าคนงานที่เข้าร่วมในครั้งนี้ว่าต่อไปให้ทำตัวสงบเสงี่ยม อย่าได้โอ้อวดต่อหน้าหวังหม่าอู่และพวกพ้องเพราะเรื่องในครั้งนี้
นางจึงเพียงพยักหน้าให้นางเหอแวบหนึ่ง ความหมายคือให้ท่านกับพี่สะใภ้รองจัดการเอาเองเลย
นางเหอเข้าใจความหมายจึงหันไปเรียกนางชิว สองคนจึงเข้าไปจัดการข้างในก่อน
ฉินเหยากำชับคนงานเสร็จก็โบกมือ “วันนี้ทุกคนลำบากแล้ว ตอนนี้เรื่องราวคลี่คลายแล้วกลับไปทำงานที่โรงงานต่อเถิด เดี๋ยวข้าจะให้ผู้ดูแลหลิวจ้งไปซื้อเนื้อสักหลายสิบจินกลับมาให้ทุกคน พวกเราจะได้กินเนื้อสัตว์ให้อิ่มหนำสักมื้อ!”
ประโยคหลังนี้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนที่สุด ฉับพลันก็เกิดเสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้นทันที
รอจนเหล่าคนงานกลับเข้าโรงงานไปอย่างยินดี หลิวเหล่าฮั่นและคนอื่นๆ จึงมีโอกาสเข้าใกล้ฉินเหยา
พวกต้าหลางสี่พี่น้องมุดเข้าไปในตัวรถม้าตั้งนานแล้ว พอเห็นท่านพ่อที่มีสภาพน่าสังเวชซึ่งอยู่ในตัวรถม้าก็ผลัดกันเข้าไปเพ่งดูทีละคนแล้วจึงออกมาจากตัวรถม้า
หลิวจี้ไอ “แค่กๆ” ออกมาอย่างแรงสองครั้ง หลิวเหล่าฮั่นที่อยู่ด้านนอกรถจึงรีบถาม “เจ้าสามเป็นอย่างไรบ้าง”
ฉินเหยาตอบ “ท่านหมอให้ยามาแล้วเจ้าค่ะ เพียงพักฟื้นให้ดีระยะหนึ่งก็หาย”
“ข้าขอดูหน่อย” หลิวเหล่าฮั่นยังไม่วางใจนัก อยากจะขึ้นไปบนรถม้าดูว่าหลิวจี้เป็นอย่างไรกันแน่
ต้าหลางไหนเลยจะกล้าให้ท่านปู่ขึ้นไปดู ผู้เฒ่าชราแล้วทนรับเรื่องสะเทือนใจไม่ได้หรอก
ดังนั้นจึงส่งสายตาให้น้องชายและน้องสาว สี่พี่น้องต่างแย่งกันพูดเซ็งแซ่ว่าพวกตนดูแล้ว ท่านพ่อสบายดี เป็นเพียงบาดแผลภายนอกเล็กน้อยเท่านั้น
กลัวว่าหลิวเหล่าฮั่นจะไม่เชื่อ เอ้อร์หลางยังกล่าวเสริมด้วย “เบากว่าที่ท่านแม่ตีตั้งเยอะแน่ะ”
หลิวเหล่าฮั่นพลันถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก “เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี รีบกลับบ้านไปก่อนเถอะ ไว้ค่อยให้คนในครอบครัวคุยกันอย่างละเอียดอีกที”
ฟังจากน้ำเสียงแล้ว คืนนี้คงตั้งใจจะไปกินข้าวที่บ้านของฉินเหยาทั้งหมด
ฉินเหยาพยักหน้า ส่งสัญญาณให้อาวั่งขับรถม้านำเด็กทั้งสี่ตามหลังรถม้ากลับบ้านไปเตรียมตัวก่อน
เพิ่งกลับถึงบ้าน จัดแจงให้หลิวจี้ที่ร้องโอดโอยราวกับจะตายให้เข้าที่เข้าทางก็ส่งต้าหลางและซานหลางไปเฝ้าเขาไว้ จินเป่าและจินฮวาก็หิ้วผัก เนื้อ และไข่ที่หลิวไป่กับหลิวเฝยหอบหิ้วกลับมาส่งให้ฉินเหยาเพื่อใช้ทำอาหารเพิ่มในตอนเย็น
ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองเพิ่งได้ฟังเรื่อง ‘ฉินเหยาประมือหวังหม่าอู่’ ฉบับที่สองไป พอวางผักลงก็เดินวนเวียนอยู่รอบกายฉินเหยา ชำเลืองมองนางด้วยสายตาชื่นชมเป็นครั้งคราว จากนั้นก็ซุบซิบกระซิบกระซาบกัน ไม่รู้ว่าพูดสิ่งใด
เอ้อร์หลางช่วยฉินเหยาล้างผักเพื่อให้อาวั่งเตรียมงานเลี้ยงมื้อค่ำได้สะดวกขึ้น
อาวั่งดูเหมือนจะไม่กล้าอยู่กับฉินเหยา พอวางหลิวจี้ลงก็แบกจอบลงนาไปดูน้ำเสียแล้ว ขากลับยังหาบน้ำกลับมาด้วยหนึ่งหาบ ผู้ไม่รู้เรื่องคงนึกว่าเขาเห็นตนเองเป็นวัวเป็นม้าไปเสียแล้วจริงๆ
ยามพลบค่ำ โรงงานเลิกงาน ผู้คนจากเรือนเก่าก็พากันมายังบ้านของฉินเหยา
ลานบ้านกว้างขวาง โต๊ะอาหารถูกตั้งขึ้นในลานบ้านโดยตรง จัดไว้สองโต๊ะ ผู้ใหญ่หนึ่งโต๊ะ เด็กหนึ่งโต๊ะ
อาวั่งปรนนิบัตินายท่านใหญ่ของเขาซึ่งนอนอยู่ในห้องเสร็จก็กลับออกมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเด็กๆ
ต้องขอบคุณหวังหม่าอู่โดยแท้ คืนนี้กับข้าวจึงอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก มีทั้งเนื้อทั้งไข่ให้กินอย่างพอเพียง ยังมีหมูแดดเดียวเส้นที่นึ่งหอมกรุ่นและแกงจืดผักสดนานาชนิด
ข้าวสวยที่หุงด้วยข้าวสารก็มีให้กินอย่างเพียงพอ กินได้ตามใจชอบ
นับแต่พ้นฤดูใบไม้ผลิ ทุกครัวเรือนต่างต้องรัดเข็มขัด ประหยัดกินประหยัดใช้ ทางเรือนเก่าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
วันนี้มาถึงบ้านฉินเหยา อาหารการกินดีราวกับฉลองปีใหม่ เด็กๆ กินเนื้อคำใหญ่ ซดน้ำแกงคำโต ข้าวสวยหุงด้วยข้าวสารเฉลี่ยคนละสองชาม หลังอาหารยังมีขนมให้กินอีก ช่างมีความสุขยิ่งนัก
กินข้าวอิ่มแล้ว ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิทก็จับกลุ่มกันหยิบชู่จวีออกไปวิ่งเล่นข้างนอก
ต้าเหมายังเล็กเกินไป ทำได้เพียงส่งเสียงอ้อแอ้ เบิกตากลมโตมองตามแผ่นหลังของเหล่าพี่ชายพี่สาวที่วิ่งห่างออกไปด้วยแววตาน่าสงสาร
นางเหอและนางชิวเป็นฝ่ายเก็บถ้วยชามตะเกียบเอง ไม่มีความคิดจะเรียกคนรับใช้มาเก็บแม้แต่น้อย พออาวั่งก้าวเข้ามารับช่วงต่อกลับทำให้พี่สะใภ้กับน้องสะใภ้ทั้งสองตกใจเสียอีก
ฉินเหยาหารือกับหลิวเหล่าฮั่นและคนอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องไปขายธัญพืชในเมืองวันพรุ่งนี้ ตอนนี้อุปสรรคถูกขจัดไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลอีก
เมื่อได้ยินฉินเหยาบอกว่าจะพาอาวั่งไปขายธัญพืชด้วยตนเอง หลิวจี้ที่นอนอยู่ในห้องถึงกับทุบอกกระทืบเท้า บาดแผลภายนอกยังไม่หายดี บาดแผลภายในใจก็เกิดขึ้นเสียแล้ว
แต่เรื่องราวได้ตัดสินใจไปแล้ว เขาจึงทำได้เพียงถอนหายใจอย่างขุ่นเคือง ลองใคร่ครวญดูว่าค่ารักษาหนึ่งร้อยตำลึงนั้น มีความเป็นไปได้สักเท่าใดที่ฉินเหยาจะแบ่งให้เขาสักหนึ่งตำลึง
ผลลัพธ์คือศูนย์!
เรื่องดีๆ กลับทำจนพังไม่เป็นท่า วันนี้กลับมาแล้วยังไม่โดนทุบตีอีกก็นับว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายแล้ว
เงินรึ? อย่าได้คิดฝันเลย
MANGA DISCUSSION