ตอนที่ 279 โจมตีอย่างหนักหน่วง
………………..
ฉินเหยาเงยหน้ามองไปก็เห็นลูกจ้างร้านขายข้าวกำลังนำคนเจ็ดแปดสิบคนเดินขากะเผลกเข้ามา
เขากุมใบหน้าที่บวมเป่งแล้วหันกลับไปพยักหน้าโค้งคำนับชายร่างอ้วนหน้าขาวที่ถูกหามมาบนเก้าอี้ไม้ไผ่ด้านหลังเป็นพักๆ พลางชี้ไปด้านหน้าแล้วกล่าวว่า
“นายท่านห้า คือนาง! คือสตรีผู้นี้นำพวกชาวบ้านมาทุบร้านขายข้าวของพวกเราขอรับ!”
หวังหม่าอู่หรี่ตามองไปข้างหน้า ระยะห่างหลายร้อยเมตรจึงมองเห็นไม่ชัดเจนว่าแม่นางผู้นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
แต่สายตาสำรวจอันเย็นเยียบนั้น เขากลับสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน คิ้วจึงขมวดเข้าหากันทันที นี่เป็นตัวปัญหาที่รับมือได้ยากอย่างแน่นอน
พอนึกถึงต้นตอที่นำพาตัวปัญหานี้มา หวังหม่าอู่ก็หยิบไม้เกาหลังในมือขึ้นมาฟาดใส่หน้าผากของลูกจ้างใต้ร่างอย่างแรง!
พลางกัดฟันด่าว่า “เจ้าเด็กนี่ทำงานอย่างไร? บิดาบอกไปกี่ร้อยครั้งแล้วว่าก่อนลงมือให้ตรวจสอบก่อน! เจ้าไปตรวจสอบในกางเกงพ่อเจ้าหรืออย่างไร?!”
ลูกจ้างกุมศีรษะรีบยอมรับผิด พอเห็นท่าทางขอความเมตตาทั้งยังพ่นฟอดเลือดออกมาเป็นระยะนั้น หวังหม่าอู่ก็โบกไม้เกาหลังอย่างรังเกียจ “ไสหัวไปซะ!”
สุดท้ายก็ไม่ถูกตีอีก ลูกจ้างจึงรีบถอยไปด้านหลัง ก้มหน้าซ่อนความหวาดกลัวและความโกรธแค้นในแววตาเอาไว้
ทางด้านฉินเหยา พอเห็นอีกฝ่ายมาเจ็ดแปดสิบคนเช่นนี้ หลิวไป่ก็รีบกระซิบถามนาง “อีกครู่หากสู้กัน พวกเราจะหนีหรือไม่”
จำนวนคนต่างจากที่คาดการณ์ไว้มาก ฉินเหยาโบกมือ “ไม่ต้องหนีแล้ว มีข้ากับอาวั่งสองคน บวกกับพวกเจ้า คนเจ็ดแปดสิบคนตรงหน้านี้ก็ไม่น่าหวั่นเกรง”
จู่ๆ ก็ถูกเอ่ยชื่อ ใบหน้าที่เดิมไร้อารมณ์ของอาวั่งพลันควบคุมไว้ไม่อยู่ เผยสีหน้าขมขื่นที่สุดท้ายก็ถูกมองออกออกมา แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งคำพูดของฉินเหยา
กลับเป็นหลิวไป่และคนอื่นๆ ที่ประหลาดใจยิ่งนัก ไม่รู้ว่าเหตุใดฉินเหยาจึงมั่นใจในตัวอาวั่งที่ดูทึ่มๆ เช่นนี้
ฉินเหยายังนึกว่าหวังหม่าอู่ผู้นี้จะเก่งกาจเพียงใด ที่แท้ใช้เวลาสองเค่อกลับเรียกคนมาได้เพียงเจ็ดแปดสิบคน?
นางแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
หวังหม่าอู่และคนอื่นๆ มาถึงตรงหน้านางพอดีจึงได้ยินเสียงหัวเราะหยันที่ความหมายไม่ชัดเจนนี้เข้าเต็มสองหู
ทันใดนั้น ยังไม่ทันที่หวังหม่าอู่จะได้กล่าวอะไร คนเจ็ดแปดสิบคนใต้อาณัติของเขาก็พลันเผยแววตาดุร้ายออกมา ภายใต้การส่งสัญญาณของผู้ที่ดูเหมือนสมุนมือเอกของหวังหม่าอู่ ลูกน้องคนอื่นก็พากันเข้ามาล้อมฉินเหยาและพวกเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ชาวบ้านหมู่บ้านตระกูลหลิวไม่ยอมน้อยหน้า กระชับอาวุธในมือแน่น เพราะเมื่อครู่ฉินเหนียงจื่อบอกแล้วว่าคนเจ็ดแปดสิบคนนี้ไม่น่าหวั่นเกรงเลย!
“ทำอะไรกัน ทำอะไรกัน?” หวังหม่าอู่ตะโกนเสียงเกียจคร้าน “กับแม่นางน้อยน่ะต้องเกรงใจหน่อยสิ!”
คำพูดนี้เพิ่งจะกล่าวจบ อาวั่งก็รู้สึกได้ทันทีว่านายท่านใหญ่หลิวจี้ที่พิงอยู่บนไหล่ตนนั้นเบิกตาที่แดงก่ำบวมเป่งจนเหลือเพียงรอยขีดขึ้น ลมหายใจก็หอบถี่ขึ้นเช่นกัน
เป็นดังคาด วินาทีต่อมาก็ได้ยินนายท่านใหญ่ในอ้อมแขนตนตะคอกใส่หวังหม่าอู่ด้วยเสียงดังลั่นว่า “บิดาเจ้าสิ เจ้าเรียกใครว่าแม่นางน้อยกันหา!”
หวังหม่าอู่มองมาอย่างตกตะลึง
หลิวจี้เอ่ย “เจ้ารู้หรือไม่ว่านางคือใคร? แค่เอ่ยนามของนางออกมาก็สามารถทำให้เจ้าหมั่นโถวหน้าขาวที่ขึ้นฟูอย่างเจ้าตกใจจนตายได้แล้ว!”
เส้นเลือดบนหน้าผากของหวังหม่าอู่กระตุกยิกๆ หลายครั้ง นัยน์ตาหรี่ลงอย่างอันตราย กัดฟันตวาดถาม
“เช่นนั้นเชิญแนะนำสักหน่อย ให้พวกข้าได้ฟังว่าน่าสะพรึงกลัวสักเพียงใด”
หลิวจี้แค่นหัวเราะเย็นชาสองครั้ง ยื่นมือที่เขียวช้ำของตนเองชี้ไปทางฉินเหยา
“นี่คือผู้จัดการฉิน ฉินเหยา แห่งหมู่บ้านตระกูลหลิวของข้า! เจ้าฟังไม่ผิด คือฉินเหยา…วีรสตรีปราบโจร ผู้ถือดาบบุกเดี่ยว สู้หนึ่งต่อร้อยแล้วเด็ดศีรษะหัวหน้าโจรภูเขาอย่างเสี่ยงหวังมาอย่างกล้าหาญผู้นั้น!”
มุมปากของฉินเหยากระตุกอย่างแรงจนควบคุมไม่ไว้อยู่ มองไปทางอาวั่งอย่างไม่พอใจ
อาวั่งใจหล่นวูบ รีบดึงนายท่านใหญ่ไปไว้ด้านหลังหลิวไป่และหลิวเฝยพลางยกมืออุดปากเขาไว้
หลิวจี้ร้องอืออาพลางจ้องเขม็งไปยังอาวั่ง ดวงตาที่เหมือนผลเหอเถาไม่อาจเผยแววดุร้ายออกมาได้แม้แต่น้อย อาวั่งมองตรงไปข้างหน้า ไม่เห็น ข้าไม่เห็น
หวังหม่าอู่ตกใจขึ้นมาจริงๆ แต่ก็วางใจลงอย่างรวดเร็ว ก็แค่หญิงชาวบ้านที่มีพละกำลังอยู่บ้างก็เท่านั้น ไม่มีเบื้องหลัง ไม่มีผู้หนุนหลัง ไม่น่าหวั่นเกรง
เขาแสร้งหัวเราะฮ่าๆ อย่างกระอักกระอ่วน “ที่แท้คือฉินเหนียงจื่อเองหรือ เสียมารยาทแล้วๆ เจ้าดูสิ คนรับใช้ไม่รู้ความก่อเรื่องเข้าใจผิดขึ้น เจ้าอย่าได้ใส่ใจเลยนะ!”
“แต่ว่า…” น้ำเสียงพลันเปลี่ยนไป สีหน้าก็เย็นชาลง “ร้านขายข้าวของข้านี้ไปขัดตาเจ้าตรงไหนกัน ถึงกับต้องทุบมันให้ได้?”
“แกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้วรึ เจ้าหมั่นโถวเฒ่า?” ฉินเหยาโพล่งถามกลับกะทันหัน เป็นปฏิกิริยาที่หวังหม่าอู่ไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อย
นางไม่ควรจะถือโอกาสนี้กล่าวขอโทษเขาแล้วทั้งสองค่อยเจรจากันใหม่ เขาจะไม่เอาความ ส่วนนางก้มหน้าถอยไปอย่างรู้ความหรอกรึ
ฉินเหยาเห็นสีหน้าของหวังหม่าอู่ก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ให้นางขอโทษรึ ช่างเป็นเรื่องน่าขันที่สุดในใต้หล้า!
นางขี้เกียจจะพูดจาไร้สาระกับเขาอีก ในเมื่ออีกฝ่ายไม่รู้จักสถานการณ์เช่นนี้ นางก็ขี้เกียจจะเสียเวลาแล้ว
ฉินเหยาลุกขึ้นเสาไม้ กดชายเสื้อที่ปลิวขึ้นแล้วหยิบเหล็กสกัดยาวหนักอึ้งในมือขึ้นมา สายตาจับจ้องไปยังลูกจ้างร้านขายข้าวที่หลบอยู่ด้านหลังสมุนมือเอกผู้นั้น
“คำที่ข้าให้เจ้าเด็กนี่นำไปส่งต่อ ส่งไปถึงแล้วหรือไม่ ของที่ข้าต้องการเล่า ข้าวสาลี รถม้า และค่ารักษาอีกหนึ่งร้อยตำลึง อยู่ที่ไหนกัน”
ลูกจ้างร้านขายข้าวพยักหน้าหงึกๆ เขาบอกคำที่นางสั่งไว้ทั้งหมดแล้วแน่นอน แต่นายท่านห้าจะฟังหรือไม่นั้น เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้
ภายใต้สายตาเฉียบคมที่จับจ้องมาของฉินเหยา ลูกจ้างหดตัวถอยหลังไปอีก เขากลัวฉินเหยายมบาลมีชีวิตผู้นี้จริงๆ
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจพลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา เขารู้สึกว่าวันนี้หวังหม่าอู่คงต้องเพลี่ยงพล้ำเสียแล้ว
พอคิดเช่นนี้ ในใจกลับพลุ่งพล่านด้วยความสะใจที่ได้แก้แค้น
“ในเมื่อบอกแล้ว เจ้าหมั่นโถวเฒ่า ของที่ข้าต้องการเล่า” สายตาของฉินเหยาเบนไปยังหวังหม่าอู่ที่โกรธจนหน้าแดงก่ำ
หวังหม่าอู่แทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาจับประเด็นสำคัญไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เพียงกัดฟันถามไปอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”
“เรียกเจ้าว่าหมั่นโถวเฒ่า แล้วจะทำไม” ฉินเหยามองเขาอย่างขบขัน กินเสียขาวอวบ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่นน่าขยะแขยง ไม่ใช่หมั่นโถวเฒ่าแล้วจะเป็นอะไรได้!”
หวังหม่าอู่คลุ้มคลั่งกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น หันไปมองสมุนมือเอกข้างกายทันทีพลางสั่งว่า “ตีนังตัวเหม็นนี่ให้ตาย!!!”
เส้นประสาทของคนทั้งสองฝ่ายตึงเครียดในบัดดล พอเห็นคนของหวังหม่าอู่เคลื่อนไหว อาวั่งก็รีบปกป้องนายท่านใหญ่ของตนให้ถอยไปด้านหลัง ความเร็วนั้นช่างน่าเหลือเชื่อ พริบตาเดียวก็เหลือเพียงเงาพร่ามัว คนเป็นๆ สองคนหายไปจากจุดเดิมที่เคยยืนอยู่ทันที
ปฏิกิริยาของชาวบ้านหมู่บ้านตระกูลหลิวเองก็ไม่ชักช้า ยกอาวุธขึ้นทันที เตรียมพร้อมจะสู้ในศึกใหญ่กับคนของอีกฝ่าย
ทว่าพวกเขายังไม่ทันได้ยกอาวุธขึ้นดี ฉินเหยาก็พุ่งออกไปราวกับสายฟ้า ไปถึงเบื้องหน้าสมุนมือเอกผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
ภายใต้สายตาตื่นตระหนกของอีกฝ่าย มือซ้ายจับไหล่ยกคนทั้งร่างขึ้นสูงแล้วทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง!
มือขวาตวัดเหล็กสกัดยาวลงตาม แทงเหล็กสกัดยาวนั้นเข้าไปในลำคอ!
บิดหมุนจนกระทั่งทะลุผ่าน
ท่วงท่าทั้งหมดต่อเนื่องเป็นหนึ่งเดียว สำหรับทุกคนแล้วเป็นเพียงเรื่องชั่วพริบตา
ขณะที่ดึงเหล็กสกัดยาวออกก็ถอยกลับไปอยู่ด้านหลังหวังหม่าอู่อย่างรวดเร็ว
“พรวด” โลหิตสายหนึ่งพุ่งกระฉูดออกมาดุจสายน้ำ สาดใส่ศีรษะและใบหน้าของหวังหม่าอู่จนเปียกโชก
เขามองเห็นดวงตาที่เบิกกว้างของอาซื่อ ลูกน้องคนสนิทของตนได้อย่างชัดเจนผ่านม่านโลหิต จวบจนสิ้นใจ ความหวาดหวั่นในแววตานั้นก็ยังคงไม่จางหาย
โลหะเย็นเยียบทาบอยู่บนลำคอของหวังหม่าอู่ เขาถามเสียงสั่น “เจ้า…เจ้ากล้าฆ่าคนต่อหน้าธารกำนัลรึ”
ฉินเหยา “ใช่แล้ว กากเดนของโจรภูเขา ฆ่าแล้วทางการยังต้องให้รางวัลข้าเสียอีก”
“ส่วนเจ้า คิดดูเถิดว่าข้อหาให้ที่พักพิงแก่คนร้ายจะต้องใช้เงินเท่าใดจึงจะสามารถลบล้างความผิดได้” ประโยคนี้ ฉินเหยากล่าวเบามาก มีเพียงนางและเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน
หวังหม่าอู่พลันรู้สึกเศร้าสร้อยและสิ้นหวังขึ้นมา ในเมื่อฟ้าส่งฉินเหยามาเกิดแล้ว เหตุใดยังต้องส่งข้าหวังหม่าอู่มาเกิดอีกเล่า
ส่วนคนทั้งสองฝ่ายที่กำลังเตรียมจะยกพวกตะลุมบอนต่างก็ตกตะลึงกับภาพโลหิตพวยพุ่งของอาซื่อจนไม่กล้าขยับเขยื้อน
โดยเฉพาะทางฝั่งหวังหม่าอู่ เหล่าสมุนรับใช้ที่เคยลงมือรุนแรงกับชาวบ้าน บัดนี้กลับมีท่าทีอ้ำอึ้ง ไม่กล้ามองศพของอาซื่อด้วยซ้ำ
เพราะสภาพศพนั้นน่าสยดสยองถึงขั้นที่หากมองแล้วกลางคืนจะต้องเก็บไปฝันร้ายอย่างแน่นอน!
การต่อสู้อันดุเดือด ยังไม่ทันได้เริ่มต้นก็พลันจบลงเสียแล้ว
………………..
MANGA DISCUSSION