ตอนที่ 242 ห้างการค้าฟู่หลง
………………..
ช่วงก่อนและหลังเทศกาลตวนอู่เป็นช่วงที่ร้อนที่สุด โรงเตี๊ยมจึงเตรียมเครื่องดื่มเย็นไว้
เมื่อวานฉินเหยารับปากซื่อเหนียงว่าจะซื้อของอร่อยๆ ให้พวกนางเป็นการตอบแทน แต่เก็บแผงช้า ร้านอื่นๆ ก็เก็บหมดแล้วจึงซื้อไม่สำเร็จ
ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายแก่ๆ เท่านั้น เวลายังเหลืออีกมาก เครื่องดื่มเย็นของโรงเตี๊ยมเพิ่งจะแขวนป้าย พอเห็นต้าหลางและน้องๆ หน้าแดงก่ำเพราะแดด ฉินเหยาจึงสั่งน้ำแข็งไสห้าถ้วย ห้าแม่ลูกนั่งลงที่โต๊ะว่างในห้องโถง
น้ำแข็งไสถั่วเขียวเย็นชื่นใจถ้วยละแปดสิบเหวิน ตอนที่เด็กรับใช้มาคิดเงิน สี่พี่น้องที่รู้เรื่องเงินทองดีอยู่แล้วดวงตาก็แทบจะถลนออกมา
นี่มันก็แค่น้ำถั่วเขียวเท่านั้น เพราะใส่น้ำแข็งเข้าไปก็ขายราคาแปดสิบเหวินเชียวหรือ
ฉินเหยาโบกมืออย่างใจเย็น “กินเถอะ”
จากนั้นก็หยิบเงินตำลึงหนึ่งก้อนส่งให้เด็กรับใช้ให้ไปหาเงินทอน
กินน้ำแข็งไสถั่วเขียวไปสองสามช้อน นึกถึงหลิวจี้ที่ยังอยู่ในห้อง ฉินเหยาลังเลอยู่สองสามวินาที ก่อนจะสั่งให้เด็กรับใช้ยกไปให้เขาถ้วยหนึ่งด้วย
หลิวจี้ที่อ่านหนังสืออยู่ในห้องรู้สึกปลาบปลื้มจนพูดไม่ออก กินน้ำแข็งไสถั่วเขียวเย็นชื่นใจแล้วรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง เมียจ๋ายังมีเขาอยู่ในใจ!
สี่พี่น้องเห็นว่าทุกคนในครอบครัวได้กิน แถมแม่เลี้ยงก็กินอย่างเอร็ดอร่อย ก็วางใจและลิ้มรสน้ำแข็งไสถั่วเขียวเย็นชื่นใจอย่างมีความสุข
สี่พี่น้องกินน้ำแข็งไสเนื้อเนียนละเอียดเป็นครั้งแรก รู้สึกประหลาดใจที่รสชาติแตกต่างจากน้ำแข็งที่เก็บมาจากชายคาบ้านในฤดูหนาวอย่างสิ้นเชิง
น้ำแข็งไสนี้ละลายในปาก หวานเย็นชื่นใจ แถมยังมีกลิ่นหอมของชา
ซานหลางรีบซดเข้าไปคำใหญ่จนเย็นไปทั้งตัว ถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมา แต่เพราะน้ำแข็งไสถั่วเขียวอร่อยมากจริงๆ จึงฝืนกลืนลงไป
ทว่าน้ำแข็งก็ละลายอย่างรวดเร็ว ที่เหลือก็เป็นเพียงความหวานมันของถั่วเขียว
ในวันที่อากาศร้อนระอุเช่นนี้ การได้ลิ้มรสชาติเย็นชื่นใจนี้ทำให้เหงื่อที่ไหลโทรมกายหายไป เจ้าตัวเล็กหลับตาลงอย่างสบายใจ ขาเล็กๆ สองข้างที่ห้อยลงมาจากเก้าอี้สูงแกว่งไปมาอย่างสนุกสนาน
“อร่อยไหม” ฉินเหยาถามด้วยรอยยิ้ม
“แค่แพงไปหน่อย…” เอ้อร์หลางยังคงเสียดายเงิน
ฉินเหยาลูบศีรษะเขาเบาๆ “ใช้ชีวิตให้มีความสุข อย่าคิดมาก”
เรื่องราวที่ไม่คาดฝันในอนาคตมีมากมายนัก ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้น้ำแข็งไสถ้วยนี้ราคาอาจจะพุ่งสูงขึ้นก็ได้?
ถ้าอย่างนั้นวันนี้พวกนางกินก็เท่ากับได้กำไร
เอ้อร์หลางพยายามยิ้มให้ท่านแม่ อยากจะปลอบใจตัวเองว่าไม่เสียดายเงิน แต่ก็เลียน้ำแข็งไสถั่วเขียวหยดสุดท้ายในถ้วยจนหมดเกลี้ยง
ยังไม่พอ เขายังขอเสี่ยวเอ้อร์ของร้านเอาน้ำเปล่าโดยไม่คิดเงินมาหนึ่งกา เทลงในถ้วย แล้วดื่มรสชาติสุดท้ายจนหมด ท้องป่องจนรู้สึกว่าเงินแปดสิบเหวินที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่า
ฉินเหยาเพียงแค่มองอย่างอ่อนโยน ไม่ได้ห้ามปรามเพื่อรักษาหน้าตาหรือสนใจสายตาแปลกใจของผู้อื่น
ครั้งแรกก็เป็นเช่นนี้ ครั้งต่อไปก็จะชิน กินบ่อยๆ ก็จะรู้สึกว่าไม่มีอะไร
วันนี้สี่พี่น้องนำหีบหนังสือพลังเซียนออกไปเพียงสองใบ คือของเอ้อร์หลางและซื่อเหนียง ใบหนึ่งเป็นรุ่นล่าสุด อีกใบหนึ่งเต็มไปด้วยภาพวาดเด็กๆ น่ารัก ใช้สำหรับการประชาสัมพันธ์ก็เพียงพอแล้ว
หลังจากทานน้ำแข็งไสเสร็จ สังเกตเห็นสายตาที่กระวนกระวายอยู่รอบข้าง ฉินเหยาจึงสั่งให้ต้าหลางพาน้องๆ กลับห้องไปทำการบ้านช่วงบ่ายก่อน ส่วนนางจะอยู่ในห้องโถงอีกสักครู่
ต้าหลางเข้าใจ พาน้องๆ กลับห้องพักก่อน เหลือหีบหนังสือสองใบไว้ไม่ได้เอาไปด้วย
ตำราเรียนแสนสำคัญอยู่ในห้องพัก หีบหนังสือตรงนี้ใส่เพียงพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึก ทิ้งไว้ก็ไม่กระทบต่อการทำการบ้านของพวกเขา
เพราะถึงอย่างไรก็ปักป้ายรับจ้างเขียนจดหมาย จะให้ถึงเวลาคนอื่นอยากเขียนจดหมายแล้วกลับไม่มีกระดาษพู่กันให้ก็จะดูไม่สมจริงเกินไป
ทันทีที่ต้าหลางและน้องๆ ทั้งสี่คนเดินออกไปก็มีคนในห้องโถงลุกขึ้นเดินตรงมาหาฉินเหยา
ทั้งสองเผชิญหน้ากัน อีกฝ่ายมองสำรวจนางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแล้วจึงถามหยั่งเชิงว่า “สตรีออกหน้าทำการค้า ไม่กลัวเสียชื่อเสียงหรือ”
ฉินเหยาผายมือเชิญให้อีกฝ่ายนั่งแล้วตอบด้วยรอยยิ้มว่า “แคว้นเซิ่งไม่มีกฎหมายข้อไหนที่ห้ามสตรีทำการค้าไม่ใช่หรือ”
“ก็จริง” ผู้มาเยือนยิ้มแล้วนั่งลง หีบหนังสือพลังเซียนสองใบวางอยู่ข้างๆ เขามองฉินเหยาแวบหนึ่ง เห็นนางไม่มีท่าทีจะห้ามจึงเอื้อมมือไปสัมผัส
ยังมีสายตาอีกหลายคู่ที่มองมาทันที แต่เพราะมีคนนั่งลงตรงหน้าฉินเหยาแล้ว ตามกฎเกณฑ์ของวงการที่มาก่อนได้ก่อนพวเขาจึงไม่ได้เคลื่อนไหว
ฉินเหยาเริ่มอธิบายโครงสร้าง วิธีการใช้หีบหนังสือพลังเซียนและส่วนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ
ทั้งยังเสริมอีกว่า “หีบหนังสือแบบนี้เป็นรุ่นหลัก แต่โรงงานของเรายังผลิตหีบเดินทาง ซึ่งเป็นกระเป๋าที่มีล้อและสายสะพาย พกพาสะดวก แต่ใหญ่กว่าหีบหนังสือเล็กน้อย ภายในไม่มีช่องมากนัก สามารถใส่เสื้อผ้าและสิ่งของอื่นๆ ที่ใช้ในการเดินทางได้อย่างอิสระทั้งสองด้าน กันฝนกันแดด พกพาสะดวก”
พร้อมกันนั้น นางก็แนะนำกล่องเครื่องเขียนไปด้วย
พูดจบก็ให้เสี่ยวเอ้อร์ของร้านยกน้ำชาและขนมมา ฉินเหยาจึงถามถึงชื่อแซ่และฐานะของอีกฝ่าย
“แซ่เจี่ยง ชื่ออักษรตัวเดียวว่าเหวิน เป็นรองผู้ดูแลห้างการค้าฟู่หลงสาขาตลาดตะวันออก” เจี่ยงเหวินตอบ
เขาอายุประมาณสี่สิบปี รูปร่างสูงผอม ท่าทางสุภาพเรียบร้อย หากไม่ใช่เพราะดวงตาอันเฉียบคมคู่นั้นเปิดเผยตัวตนเสียก่อน คนนอกมองคงคิดว่าเขาเป็นบัณฑิตที่กำลังศึกษาเล่าเรียน
ฉินเหยาถามด้วยความสงสัยว่า “ห้างการค้าฟู่หลงปกติทำการค้าอะไรบ้างหรือ”
เจี่ยงเหวินตอบว่า “ของป่าในชนบท ผ้าป่านไหมแพร สี่สมบัติประจำห้องหนังสือ ล้วนมีหมด”
ฟังดูหลากหลาย แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีระบบขนส่งสินค้าที่แข็งแกร่งมาก จึงสามารถรวบรวมสินค้าจากทั่วทุกสารทิศมาได้
ฉินเหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าหีบหนังสือพลังเซียนจะสามารถดึงดูดห้างการค้าที่ใหญ่ขนาดนี้มาได้
แต่ก็เพราะอยู่ที่เมืองหลวงของมณฑลเท่านั้น ถึงมีโอกาสแบบนี้
ฉินเหยาเทน้ำชาให้ตัวเองและอีกฝ่ายคนละถ้วย เจี่ยงเหวินยกขึ้นจิบแล้ววางลง ยิ้มแล้วกล่าวว่า
“พูดตามตรง ตั้งแต่ฉินเหนียงจื่อนำหีบหนังสือนี้ออกมาเมื่อวาน ข้าก็รู้สึกว่าของสิ่งนี้จะต้องขึ้นไปอยู่บนชั้นวางสินค้าของห้างการค้าฟู่หลงของข้าอย่างแน่นอน”
หลังจากชมเชยตัวเองแล้วก็ไม่ลืมที่จะบอกฉินเหยาถึงฐานะของอีกหลายๆ เจ้าที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของชำในเมือง ร้านหนังสือ กระทั่งร้านรถโดยสาร แต่เมื่อเทียบกับช่องทางการจัดจำหน่ายของห้างการค้าฟู่หลงของเขาแล้ว ล้วนเป็นน้องๆ ทั้งสิ้น
ฉินเหยาจับความหมายแฝงได้ รองผู้ดูแลผู้นี้ต้องการที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว
ฉินเหยาถามลองเชิงว่า “ห้างการค้าของท่านมีสาขาอื่นอีกหรือไม่”
“แน่นอน!” เจี่ยงเหวินยิ้มแล้วใช้นิ้วลากเส้นบนโต๊ะ “ตั้งแต่จังหวัดจื่อจิงไปจนถึงเจียงหนานฝู่ มีสาขาของห้างการค้าฟู่หลงของเราตลอดทาง”
“การขนส่งทางเรือภายในแคว้นก็เป็นสหายเก่าแก่ของเรา” เขายังเปิดเผยข้อมูลสำคัญอีกอย่างหนึ่ง
การมีเส้นทางการขนส่งทางเรือ ช่องทางการจัดจำหน่ายก็จะเปิดกว้างขึ้น เดิมทีทางใต้ก็มีบัณฑิตมากมาย นี่เทียบเท่ากับว่าห้างการค้าฟู่หลงครอบครองกลุ่มลูกค้าที่มากที่สุด
แต่ฉินเหยาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากนัก เจี่ยงเหวินเปิดเผยข้อมูลมากมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาตั้งแต่แรก เป้าหมายหลักย่อมไม่ใช่เรื่องเหล่านี้
เป็นจริงดังคาด ประโยคถัดมาก็คือถามนางว่า “โรงงานของฉินเหนียงจื่อ เดือนหนึ่งสามารถผลิตหีบหนังสือได้เท่าใดหรือ”
“หากปริมาณผลิตไม่เพียงพอ อาจไม่ถึงเกณฑ์ที่จะใช้เรือขนส่งทางน้ำได้ หากเป็นการขนส่งทางบก แม้ว่าห้างการค้าของข้าจะมีขบวนคารวานที่เป็นพันธมิตรกันอยู่ แต่ต้นทุนก็จะสูงขึ้นมาก…”
พูดมาถึงตรงนี้ จุดประสงค์ก็เปิดเผยออกมาแล้ว “ดังนั้นราคานี่…” ย่อมต้องต่อให้ต่ำที่สุด
………………..
MANGA DISCUSSION