บทที่ 91 เธอหิวน้ำหรือเปล่า?
ใบหน้าของหลี่เฟยฮวาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ก่อนจะคีบไข่ดาวหนึ่งฟองใส่ชามของหวงหมิงลู่อย่างอ่อนแรง “ฉันกินแค่สองฟองก็พอ”
ยังไม่ทันที่เหอม่านชิงจะได้เอ่ยปาก หลี่เฟยฮวาก็พูดต่อด้วยแววตาใสซื่อ “แม่คะ แม่คิดว่าฉันไม่ควรกินไข่ดาวเหรอคะ?”
เหอม่านชิงถึงกับพูดไม่ออก บอกไม่ถูกว่าน้ำเสียงของลูกสะใภ้คนนี้มันแปลกตรงไหน พลางจ้องมองมองหลี่เฟยฮวาด้วยแววตาแข็งกร้าว ราวกับว่าอยากจะยิงลูกศรใส่จนร่างพรุนเป็นเม่น
ต้องบอกว่าอยู่ด้วยกันนาน ๆ ก็ซึมซับกันบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วของเหอม่านชิงกับหวงชิงหยูนี่เหมือนกันราวกับแกะ
หลี่เฟยฮวารีบพูดย้ำ น้ำตาคลอเบ้า “แม่คะ แม่คงลืมไปว่าวันนี้พวกเรากลับมาถึงบ้าน อาหารก็ไม่ได้ถูกเตรียมไว้ ไม่เป็นไรนะคะ หนูไม่บอกใครหรอก พรุ่งนี้หนูจะบอกคนอื่นว่าแม่ยอมให้กินไข่ดาวสองฟอง”
เหอม่านชิงได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ ทำอะไรไม่ถูก
ตอนนี้เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าลูกชายคนรองกับลูกสะใภ้กำลังร่วมมือกันแกล้งเธอ
ถ้าขัดเรื่องไข่ดาวสามฟองนี้ แล้วพรุ่งนี้หลี่เฟยฮวาเอาไปพูด เธอไม่โดนพวกป้าข้างบ้านปากมากนินทาจนตายเหรอ?
เหอม่านชิงพยายามสงบสติอารมณ์ บังคับใบหน้าให้ยิ้มแย้ม “ดูสิ พวกเธอนี่พูดอะไร ฉันจะไปเสียดายไข่แค่สามฟองได้ยังไง พวกเธอกลับมาบ้านทั้งที อยากกินเท่าไหร่ก็กินไปเถอะ”
หลี่เฟยฮวากระพริบตาปริบ ๆ ด้วยแววตาใสซื่อ จนเหอม่านชิงแทบตาบอด
แน่นอนว่าในวินาทีต่อมา หลี่เฟยฮวาก็พูดขึ้น “แม่ช่างใจดีจริง ๆ” ก่อนจะหันไปพูดกับหวงหมิงลู่ “หวงหมิงลู่ คุณกินไม่อิ่มใช่ไหม ไปทอดไข่เพิ่มอีกสองฟองไหม?”
หวงหมิงลู่กลั้นหัวเราะ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างใจเย็น
เหอม่านชิงอยากจะระเบิดอารมณ์ แต่พอจะอ้าปาก ก็โดนสายตาของหลี่เฟยฮวาจ้องเข้าไป จนสุดท้ายทำได้แค่เดินกระฟัดกระเฟียดกลับเข้าห้องตัวเอง
หลี่เฟยฮวานั่งซดบะหมี่อย่างสบายใจ ไม่นานก็ได้ยินเสียงด่าทอแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากห้องของเหอม่านชิง
เธอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “สงสัยจะเป็นเพราะเข้าสู่วัยทองแน่เลย”
หวงหมิงลู่ไม่เข้าใจว่าวัยทองคืออะไร แต่ก็พยักหน้าเห็นด้วย “เป็นแบบนี้มานานแล้ว”
หวงหมิงลู่กินเร็ว แต่แค่ชามเดียวคงไม่อิ่มแน่ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เลยไปต้มบะหมี่เพิ่มอีกชาม พร้อมกับทอดไข่ดาวสามฟองด้วยน้ำมันหมูหอม ๆ
ระหว่างที่กำลังนั่งกินบะหมี่อยู่ในห้องนั่งเล่น เสียงน้ำไหลจากห้องน้ำดังขึ้น หวงหมิงลู่ก็นึกขึ้นได้ว่าหลี่เฟยฮวาอาบน้ำอยู่
เขาพบว่าความคิดของภรรยาคนนี้ช่างกว้างไกลกว่าเขามาก เขาไม่เคยได้รับความรักจากครอบครัว พ่อแม่ไม่รัก พี่น้องไม่สนิท นี่คือสิ่งที่เขาได้รับรู้ตอนอายุ 17 ปี
ตลอดสิบปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยหวังความรักจากครอบครัว แต่ก็ไม่เคยคิดจะ “แก้แค้น”
แต่หลี่เฟยฮวาแตกต่าง เธอไม่ได้จงใจหาเรื่อง แต่ก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับใคร เหมือนเรื่องไข่ดาววันนี้ เธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรกินมัน
ถ้าไม่มีเธออยู่เคียงข้าง เขาคงทำแบบนี้ไม่ได้
กว่าหลี่เฟยฮวาจะอาบน้ำเสร็จ หวงหมิงลู่ก็ซดน้ำซุปบะหมี่จนหมดชามแล้ว
เธอเรียกเขาอยู่หลายครั้ง กว่าหวงหมิงลู่จะรู้สึกตัวก็ต้องเรียกถึงครั้งที่สาม
หลี่เฟยฮวามองเขาด้วยสายตาสงสัย “คุณยังไม่อิ่มอีกเหรอ? ให้ฉันไปทอดไข่เพิ่มให้ไหม?”
เธอรู้ว่าผู้ชายกินจุ ตอนอยู่บ้านหวงหมิงลู่มักจะกินข้าวสองจานกับกับข้าวอีกหนึ่งอย่างเป็นประจำ
หวงหมิงลู่ส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่เป็นไร หมดแล้ว”
“อะไรหมด?”
“ไข่หมดแล้ว” หวงหมิงลู่ตอบอย่างจริงจัง
“บ้านเรามีไก่ตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงมีไข่แค่นี้ล่ะ?” หลี่เฟยฮวาขมวดคิ้ว
เธอไม่รู้ว่าในครัวบ้านตระกูลหวงมีอะไรบ้าง แต่ในเล้าไก่มีไก่เป็นสิบตัว แถมยังมีเป็ดอีกหลายตัว ถึงขนาดออกไข่วันละฟอง ก็ควรจะมีไข่มากกว่านี้สิ
เธอเดาว่าเหอม่านชิงกลัวพวกเขากินเยอะ เลยแอบซ่อนไข่ไว้แน่ ๆ
และแน่นอนว่าสิ่งที่หลี่เฟยฮวาเดาก็ถูกต้อง เหอม่านชิงเพิ่งจะด่าทอพวกเขาลับหลัง ก่อนจะล็อกตู้เก็บไข่แน่นหนา เพื่อไม่ให้หวงหมิงลู่กับเธอได้กินมัน
“ไม่ใช่ว่าไก่ทุกตัวจะออกไข่ได้ อีกอย่างช่วงนี้อากาศไม่ค่อยดี ไก่บางตัวสองสามวันถึงจะออกไข่สักฟอง” หวงหมิงลู่อธิบาย ก่อนจะหลุดขำเมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำของหลี่เฟยฮวาที่ไม่ค่อยรู้เรื่องชีวิตความเป็นอยู่แบบนี้
“ฉันไปล้างจานก่อน เธอพักผ่อนก่อนเลย”
แม้จะพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองแล้ว แต่ใบหน้าหวานของหลี่เฟยฮวา ก็ยังคงร้อนผ่าวราวกับถูกไฟเผา
เธอแอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับกายขึ้นไปบนเตียงอย่างยากลำบาก
ในหัวของหลี่เฟยฮวา ตอนนี้เต็มไปด้วยภาพของเธอกับหวงหมิงลู่ที่กำลังจะนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน
สองชาติที่ผ่านมา เธอไม่เคยแม้แต่จะจับมือผู้ชาย แต่ในชาตินี้ ไม่เพียงแต่จะได้แต่งงานเท่านั้น แต่เธอยังจะต้องนอนร่วมเตียงกับเขาอีกด้วยเหรอเนี่ย?
หลังจากอาบน้ำเย็นเสร็จ หวงหมิงลู่ก็เดินเข้ามาในห้องด้วยร่างกายที่เย็นเฉียบ ไอเย็นลอยกรุ่นรอบตัวราวกับพึ่งออกมาจากตู้แช่แข็ง
ทันใดนั้นเอง สายตาของเขาก็บังเอิญไปสะดุดกับใบหน้าแดงก่ำของ หลี่เฟยฮวา ที่นั่งอยู่บนเตียงเล็ก ๆ แวบแรกเขาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อลองคิดพิจารณาถึงสถานการณ์ตรงหน้า เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
หวงหมิงลู่น่ะเหรอจะไม่รู้เรื่องแบบนี้ ในค่ายทหารที่เขาอยู่ เรื่องลามกอนาจารมักจะเป็นหัวข้อยอดฮิตที่ทหารชอบพูดคุยกัน ใครมีเมียสวย ลูกสาวบ้านไหนน่ารักน่ามอง เขาได้ยินจนชินหู แต่ก็ไม่เคยคิดอยากจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลยสักนิด
หลี่เฟยฮวาที่กำลังลำบากใจ ไม่รู้จะทำยังไงดี
พอเห็นท่าทางแบบนั้น หวงหมิงลู่ก็ไม่รอช้า บอกกับเธอทันทีว่า “เธอนอนเถอะ”
หลี่เฟยฮวาได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นทันที ถามกลับอย่างร้อนรนว่า “แล้วคุณจะนอนที่ไหน?”
บ้านตระกูลหวงนี่คนเยอะจริง ๆ ตอนสร้างบ้านคงไม่มีใครคิดจะเผื่อแผ่ถึงหวงหมิงลู่ ว่าเขาจะต้องมีห้องนอนเป็นของตัวเองรึเปล่า? ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้พวกเขามานอนเบียดกันในห้องเก็บของแบบนี้แน่ ๆ
เอาเรื่องอื่นไว้ก่อน หลี่เฟยฮวา มั่นใจเลยว่าที่นี่ไม่มีที่นอนสำรองให้ หวงหมิงลู่ แน่ ๆ
เธอคิดว่าจะปูผ้าให้เขานอนบนพื้น แต่พอมองไปรอบ ๆ ห้องแล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะพื้นห้องรกไปหมด ไม่มีที่ว่างเลยสักนิดเดียว
ห้องเก็บของที่ว่าแคบ พอถูกยึดพื้นที่ด้วยเตียงเล็ก ๆ ใบหนึ่ง ก็ยิ่งเหมือนถูกบีบอัดให้เล็กลงไปอีก
หวงหมิงลู่มองทางเข้าที่แทบจะต้องเบียดตัวเองเข้าไป ถ้าจะเดินไปถึงเตียงได้
หลี่เฟยฮวาที่ทำหน้าลำบากใจมาสักพัก ก็ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว “ดึกป่านนี้แล้ว คืนนี้คุณนอนกับฉันนี่แหละ”
หวงหมิงลู่จ้องมองภรรยาพลางนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ เขาขยับตัวอย่างระมัดระวัง เข้าไปเบียดบนเตียงข้าง ๆ เธอในที่สุด
เตียงนอนหลังนี้เล็กมาก เล็กจนเทียบกับเตียงคนไข้ในโรงพยาบาลที่เขาเคยนอนก็แทบไม่ต่างกัน
หวงหมิงลู่เป็นผู้ชายร่างกายกำยำ แค่เขานอนลงไป หลี่เฟยฮวาก็รู้สึกได้ถึงพื้นที่ที่หายไปครึ่งหนึ่ง เธอได้กลิ่นสบู่จาง ๆ คล้ายกลิ่นดอกกุหลาบ
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยแตะจมูก ความรู้สึกแปลกใหม่ทำให้ หลี่เฟยฮวาเผลอกะพริบตามองเพดานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามบังคับตัวเองให้หลับตาลง
กลิ่นของหวงหมิงลู่ยังคงอบอวลอยู่รอบจมูก แม้ทั้งสองจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา มีเพียงเสียงหายใจแผ่วเบาของชายหนุ่ม เท่านั้นที่ดังขึ้น
บรรยากาศช่างอึดอัดจนหัวใจของหลี่เฟยฮวาเหมือนถูกบีบรัด เสียงหัวใจของเธอเต้นโครมครามราวกับกลองรบ ความประหม่าแล่นปราดไปทั่วร่างกาย หลี่เฟยฮวา ถึงกับต้องแอบกลืนน้ำลายดังอึก
ทันใดนั้น เสียงนุ่มทุ้มก็ลอยเข้าหูของหลี่เฟยฮวา หวงหมิงลู่เอ่ยถามขึ้นในความเงียบ “เธอหิวน้ำหรือเปล่า?”
หลี่เฟยฮวาสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที พร้อมกับเสียงอุทาน “อะไรนะ!”
หวงหมิงลู่ผู้ซื่อตรงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ฉันได้ยินเสียงเธอกลืนน้ำลาย คงจะหิวน้ำสินะ รอเดี๋ยวนะ ฉันไปรินน้ำมาให้”
หวงหมิงลู่มองใบหน้าแดงก่ำของภรรยาด้วยความสงสัย อยากจะเอ่ยถามออกไป แต่เหมือนมีเสียงบางอย่างกระซิบบอกในใจให้เขาเก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ก่อน จึงได้แต่ลุกขึ้นไปรินน้ำให้หลี่เฟยฮวาอย่างเงียบ ๆ
MANGA DISCUSSION