บทที่ 76 จับเข่าคุยกัน
ระหว่างทางกลับบ้าน หลี่เฟยฮวารู้สึกหนักอึ้งอยู่ในอก เธอกำลังคิดว่าจะอธิบายเรื่อง สวี่เฟิงหลินกับหวงหมิงลู่ยังไงดี ถึงแม้ร่างเดิมกับสวี่เฟิงหลินจะไม่ได้มีอะไรเกินเลย แต่ในแง่ความรู้สึกร่างเดิมก็เป็นฝ่ายผิดเต็ม ๆ
ส่วนคนที่น่าสงสารที่สุดคือหวงหมิงลู่ถ้าเขารู้เข้าว่าภรรยาของตัวเองเคยหนีตามผู้ชายคนอื่นตอนแต่งงาน เขาจะโกรธขนาดไหนกันนะ…
หลี่เฟยฮวาถอนหายใจ เธอครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ตลอดทาง
พอฟ้าเริ่มมืด หวงหมิงลู่ก็กลับมาถึงบ้าน เขาเห็นภรรยาตนเองนั่งก้มหน้าอยู่ที่โต๊ะเหมือนเคย แต่วันนี้เธอดูไม่มีชีวิตชีวา ปลายปากกาจุ่มลงบนกระดาษเป็นคราบหมึกเลอะเทอะ
หวงหมิงลู่รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาปิดประตูเบาๆ แล้วถามว่า “เป็นอะไรรึเปล่า?”
หลี่เฟยฮวาเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นหวงหมิงลู่ก็อ้าปากจะพูด แต่แล้วก็ชะงัก ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”
หวงหมิงลู่ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ เขาเปลี่ยนเรื่องคุย “ที่บ้านเรายังมีเนื้อหมูกับหัวไชเท้าดองอยู่ เดี๋ยวผมผัดใส่ปิ่นโตแล้วเธอเอาไปกินที่สถาบันวิจัยนะ”
อากาศเริ่มร้อนแล้ว หัวไชเท้าดองเปรี้ยวหวานผัดหมูเก็บไว้ได้นาน แถมยังกินข้าวได้เยอะด้วย เขาโทรไปหา เมื่อกลางวัน ได้ยินเสียงเธออ่อนเพลียก็เลยเป็นห่วง
หลี่เฟยฮวานิ่งไป เธอคิดว่าเขาพูดเล่น ๆ เสียอีก
“อืม… ได้สิ” หลี่เฟยฮวา ตอบเสียงอ่อน
หวงหมิงลู่มองเธอแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไรต่อ เขาพับแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินเข้าครัวไป
หลี่เฟยฮวาไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานต่อ เธอเก็บของบนโต๊ะแล้วเดินมานั่งดู หวงหมิงลู่ทำกับข้าว
บ้านพักแต่ละหลังจะมีระเบียงเล็ก ๆ ไว้ทำกับข้าว หวงหมิงลู่กำลังก้มหน้าก้มตาหั่นผักอยู่ตรงนั้น ด้วยความที่เขาตัวสูงกว่าคนทั่วไปเลยดูไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศเท่าไหร่
หลี่เฟยฮวารู้สึกผิดขึ้นมา เธอเอ่ยปากอย่างลังเล “หวงหมิงลู่… พอฉันกลับมาจากศสถาบันวิจัย ฉันจะลองหัดทำกับข้าวดูดีมั้ย?”
“ไม่ต้องหรอก” อีกฝ่ายตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด
“ฉันเห็นคุณกลับมาจากฝึกทุกวันแล้วเหนื่อยมาก ถ้าคุณสอนฉันตอนเลิกงาน ฉันคิดว่าฉันน่าจะทำได้นะ”
หวงหมิงลู่วางมีดในมือลง เขาอึกอักเล็กน้อย ทุกครั้งที่หญิงสาวพูดถึงเรื่องทำกับข้าว เขาจะนึกถึงวันที่เขากลับจากภารกิจครั้งก่อน บ้านเกือบไฟไหม้เพราะเธอ
แค่แยกฟืนแห้งกับฟืนเปียกเธอยังทำไม่ได้เลย เขาไม่กล้าคาดหวังว่าเธอจะมีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารหรอก แต่เพื่อไม่ให้เธอเสียใจ เขาจึงตอบปฏิเสธอย่างอ้อม ๆ ว่า “ฉันไม่เหนื่อยหรอก ส่วนใหญ่แล้วฉันเป็นคนฝึกคนอื่นมากกว่า”
ที่จริงเขาก็โกหกไม่ทั้งหมด เขาเป็นคนนำฝึกทุกวัน แต่เพื่อรักษาร่างกายให้แข็งแรง เขาก็จะต้องฝึกไปพร้อมกับทหารคนอื่น ๆ อยู่แล้ว
“แต่ว่า…” หลี่เฟยฮวา ยังไม่ยอมแพ้
“หลี่เฟยฮวา ตอนที่เธออยู่บ้านเดิม เธอก็ไม่ได้ทำกับข้าวไม่ใช่เหรอ? ทำไมแต่งงานกับฉันแล้วเธอถึงต้องฝืนตัวเองด้วยล่ะ”
หวงหมิงลู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “แต่การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นเรื่องดี รอให้ฉันว่าง ๆ ก่อน เดี๋ยวฉันจะสอนให้”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้าอย่างว่าง่าย
หวงหมิงลู่ตักหัวไชเท้าดองเปรี้ยวหวานผัดหมูใส่ปิ่นโต
ตกดึก หลี่เฟยฮวาอาบน้ำเสร็จ เดินผ่านห้องทำงานเธอเห็นไฟยังเปิดอยู่ เลยชะโงกหน้าเข้าไปดู พบว่าหวงหมิงลู่กำลังท่องศัพท์อยู่
หวงหมิงลู่ได้ยินเสียง เลยหันมาถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
หลี่เฟยฮวารู้สึกเหมือนโดนจับได้คาหนังคาเขา เธอยืนนิ่งอยู่ที่ประตูเหมือนเด็กนักเรียนโดนครูทำโทษ
เธอเม้มปากเบา ๆ แล้วถามขึ้นว่า “ถ้าฉันทำอะไรผิด คุณจะโกรธฉันมั้ย?”
หวงหมิงลู่ครุ่นคิดอย่างจริงจัง “ต้องดูสถานการณ์” พอพูดจบ เขาก็นึกถึงท่าทางแปลก ๆ ของเธอตั้งแต่ตอนเย็น เลยถามต่อว่า “วันนี้เธอดูอึกอัก มีอะไรอยากจะบอกฉันรึเปล่า?”
เขาไม่ได้ถามว่าเธอปิดบังอะไรเขาหรือเปล่า แต่ถามว่าเธอมีอะไรอยากจะบอกเขามั้ยต่างหาก
หวงหมิงลู่ใจเย็นกับเธอมามากพอแล้ว และเขาก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่
หลี่เฟยฮวาสูดหายใจลึก “คือ… ตอนที่เราแต่งงานกัน ฉันปิดบังเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งเอาไว้…”
คิ้วของหวงหมิงลู่กระตุก ความรู้สึกไม่สงบใจเริ่มก่อตัวขึ้น
หลี่เฟยฮวาแอบมองสีหน้าเขา เธอพบว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ หวงหมิงลู่ก็มักจะดูสุขุมเยือกเย็นอยู่เสมอ
เธอถอนหายใจ ร่างเดิมจากไปโดยไม่มีพันธะผูกมัดใด ๆ แต่เธอกลับรู้สึกผิดแทน รู้สึกไม่ยุติธรรมกับหวงหมิงลู่
หลี่เฟยฮวาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายได้แต่พูดเสียงเบาว่า “คือตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ ฉันเคยชอบผู้ชายคนหนึ่ง พอถึงวันแต่งงาน เขาก็บอกว่าจะพาฉันหนีไปด้วยกัน ตอนนั้นฉันไม่ได้ชอบคุณ ฉันก็เลย…ไปกับเขา แต่สุดท้ายฉันก็โดนไอ้สารเลวนั่นหลอก”
หลี่เฟยฮวายิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ “ไอ้หมาลอบกัด! มันไปคบกับเพื่อนสนิทของฉัน!”
บ้าเอ๊ย!
ทำให้ฉันโมโหจนอยากจะบ้าตาย!
หลี่เฟยฮวาสะดุ้ง เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดปากพูดอะไรออกไป แก้มแดงก่ำ แม้ไม่ใช่เจ้าของร่าง แต่เรื่องที่เกิดกับร่างนี้ เธอเป็นแค่คนดูกลับรู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนสัมผัส
หรือเพราะรับรู้ความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิม เธอถึงได้โพล่งออกไปด้วยความน้อยใจแบบนั้น แล้วค่อยมารู้สึกตัวว่าแปลก ๆ
หลี่เฟยฮวามองหวงหมิงลู่ด้วยดวงตากลมโตใสซื่อ บอกว่า “เอ่อ…ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นนะ”
หวงหมิงลู่นั่งนิ่งและสบตาหลี่เฟยฮวา สีหน้าของหลี่เฟยฮวาเมื่อครู่ เหมือนบทเรียนการแสดงชั้นยอด
อยู่ ๆ หวงหมิงลู่ก็พูดว่า “ฉันรู้”
“หา!?” หลี่เฟยฮวาตกใจ มองขาอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
“ฉันรู้ว่าเธอหนีตามใครไป และรู้ว่าคนที่เธอชอบชื่อสวี่เฟิงหลิน”
หลี่เฟยฮวาสมองเบลอไปหมด ความฉลาดหลักแหลมหายไปชั่วขณะ
“คุณรู้ทุกอย่างเลยเหรอ? แล้วไม่โกรธเหรอ?” หลี่เฟยฮวาถามอย่างประหลาดใจ
วันนี้เขาทำตัวเหนือความคาดหมายจริง ๆ เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะรู้เรื่องทั้งหมด!
“คุณรู้ได้ยังไง?” หลี่เฟยฮวา ครุ่นคิดแล้วถาม
แม้พิธีแต่งงานของพวกเธอจะเข้มงวดกว่าคู่แต่งงานทั่วไปที่แค่จดทะเบียน การแต่งงานของเธอกับหวงหมิงลู่ต้องการความบริสุทธิ์จากทั้งสองฝ่าย และต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดจากองค์กร ถึงจะแต่งงานกันได้
แต่เธอไม่คิดว่าการสืบประวัติจะลึกขนาดนี้!
สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปมาราวกับละครงิ้ว
หวงหมิงลู่เห็นแล้วอดขำไม่ได้ แต่ก็ปรับสีหน้าให้จริงจัง “ผมไม่ได้สืบอะไรมากมาย พ่อของเธอเป็นคนบอกผมเอง”
หลี่เฟยฮวายิ่งฟังก็ยิ่งงงหนัก ก่อนจะนึกออกว่าเขากำลังพูดถึงพ่อของเธอ หลี่หวังเหล่ย
แต่ในความทรงจำพ่อของร่างเดิมไม่น่าจะรู้จักสวี่เฟิงหลินนี่นา?
หรือว่าความทรงจำของเธอจะไม่สมบูรณ์?
หลี่เฟยฮวาขมวดคิ้วเป็นปม
หวงหมิงลู่ถอนหายใจ “จริง ๆ แล้วพ่อของเธอเป็นคนบอกผมเอง เขาเคยบอกว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ชื่อสวี่เฟิงหลิน แต่พ่อของเธอ… ไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่ หมายความว่าเขาดูไม่น่าไว้ใจ”
หวงหมิงลู่กลัวว่าคำพูดของตัวเองจะรุนแรงไป แต่คิดว่าควรพูดให้เธอรู้ให้ชัดเจน
แต่หลี่เฟยฮวากลับพยักหน้าเห็นด้วย “จริง ๆ แล้ว เขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร”
หวงหมิงลู่ “…”
“ครอบครัวสวี่เฟิงหลินยากจน ตอนที่ฉันรู้จักเขา เขาแทบจะไม่มีเงินซื้อข้าวกิน เห็นว่าฉันมีเงินใช้เยอะ เลยทำดีกับฉัน ฉันก็เลยชอบเขาขึ้นมา”
นี่เป็นความคิดของเจ้าของร่างเดิม
พ่อของเธอทำงานยุ่งมาก แม้จะตามใจลูกสาว แต่ก็ไม่มีเวลาให้ ร่างเดิมจึงเหมือนขาดความอบอุ่น แม่ของร่างเดิมก็เสียตั้งแต่เด็ก สวี่เฟิงหลินเลยเข้ามาทำตัวเป็นทั้งพ่อและคนรัก ทำให้ร่างเดิมเข้าใจผิดคิดไปเอง
MANGA DISCUSSION