บทที่ 138 ขาดสารอาหาร
“สีหน้าเธอไม่ค่อยดีเลย น้ำตาลตกหรือเปล่า?” ลู่ซือเจี้ยถามด้วยความเป็นห่วง
หลี่เฟยฮวาลูบศีรษะเบา ๆ ราวกับจะช่วยปลุกตัวเองให้ตื่นเต็มตา ก่อนตอบกลับ “ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย อาจจะเพราะช่วงนี้อดนอนมากเกินไปไม่ได้พักผ่อนเลย… วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ฉันตั้งใจจะพักให้เต็มที่สองวัน คงจะดีขึ้นเอง”
ลู่ซือเจี้ยทำหน้าไม่สบายใจ “ถ้างั้นลองลาครึ่งวันดีไหม? ตอนนี้สีหน้าเธอไม่ค่อยดีเลยจริง ๆ”
หลี่เฟยฮวาถูแก้มของตัวเองจนเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ดูดีขึ้นหรือยังล่ะ?”
ลู่ซือเจี้ยถอนหายใจเบา ๆ พร้อมมองหลี่เฟยฮวาด้วยสายตาเหมือนจะพูดว่า เธอนี่มันจริง ๆ เลย
ในที่สุด เมื่อเห็นว่าหลี่เฟยฮวาเดินได้โดยไม่มีปัญหา ลู่ซือเจี้ยก็คลายความกังวลลง ทั้งสองจึงรีบออกจากหอพักแต่เพราะใช้เวลาในห้องนานเกินไป ทำให้ต้องวิ่งไปที่คณะ
อากาศข้างนอกเริ่มเย็นลง ลมหนาวพัดผ่านเป็นระยะ ทำให้หลี่เฟยฮวารู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงว่าช่วงบ่ายยังมีเรียน เธอจึงเร่งฝีเท้าไปจนถึงห้องเรียน
หลี่เฟยฮวามาสายเล็กน้อย แต่โชคดีที่ลู่อันหยางจองที่นั่งไว้ให้เธอแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของหลี่เฟยฮวา ลู่อันหยางก็อุทานออกมาทันที “หลี่เฟยฮวา! คุณไม่เป็นอะไรแน่นะ?”
เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ พลางตอบกลับอย่างเหนื่อยล้า “ไม่มีอะไรหรอก แค่พักผ่อนน้อยไปหน่อยเท่านั้น”
พูดจบ หลี่เฟยฮวาก็หาวยาว ทันทีที่เธอหาวเสร็จ ดวงตาก็เริ่มเห็นภาพดาวพร่างพรายตรงหน้า
ดูเหมือนว่าอาการจะรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
หลี่เฟยฮวากะพริบตา พยายามทำตัวให้ปกติ เธอนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางเดิมอยู่นานจนกระทั่งรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
ไม่นานนัก อาจารย์ผู้สอนก็เดินเข้ามาในห้อง หลี่เฟยฮวาฝืนตัวเอง เปิดหนังสือเรียนออกด้วยความยากลำบาก ลมเย็นที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างทำให้เธอรู้สึกหนาวจนต้องห่อตัวอยู่ในเสื้อผ้า
ขณะที่อาจารย์กำลังบรรยาย หลี่เฟยฮวารู้สึกว่าความเหนื่อยล้ากำลังครอบงำ เปลือกตาของเธอหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ขึ้น
ลู่อันหยางที่นั่งข้าง ๆ สังเกตเห็นความผิดปกติ จึงกระซิบถามด้วยความกังวล “คุณแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไรจริง ๆ?”
หลี่เฟยฮวาพยายามจะตอบ แต่ไม่รู้ทำไมถึงพูดไม่ออก เธออ้าปาก แต่เสียงกลับไม่ยอมออกมา
ลู่อันหยางเห็นท่าทางของเธอแปลกไป จึงลองเรียกอีกสองครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“ลู่อันหยาง หลี่เฟยฮวา พวกเธอสองคนคุยอะไรกัน?”
เสียงของอาจารย์ที่ดังขึ้น ทำให้ทั้งสองสะดุ้ง ลู่อันหยางยังไม่ทันตอบ หลี่เฟยฮวาก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว
แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ภาพตรงหน้าก็เริ่มขาวโพลน เสียงรอบตัวคล้ายจะเบาลง ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงโต๊ะและเก้าอี้ลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด
ในหัวของหลี่เฟยฮวา มีเพียงความคิดเดียวแล่นผ่าน *“น่าอายจริง ๆ”*
และยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ โลกของเธอก็มืดลงทันที…
ณ โรงพยาบาล
เสียงพูดแปลกหูดังแทรกเข้ามาในภวังค์ครึ่งหลับครึ่งตื่นของหลี่เฟยฮวา
“คนไข้ประหยัดมากตอนอยู่มหาวิทยาลัยหรือเปล่าครับ? ผลตรวจพบว่าเธอมีอาการขาดสารอาหารเล็กน้อยนะ”
ขาดสารอาหาร?
หรือว่ากำลังพูดถึงฉัน?
‘ไม่น่าใช่หรอก… ฉันไม่เคยลำบากเรื่องกิน อยากกินอะไรก็กิน หวงหมิงลู่ก็หาเงินเก่ง จะใช้ยังไงก็ไม่หมด แล้วแบบนี้จะขาดสารอาหารได้ยังไง?’
‘ต้องไม่ใช่ฉันแน่ ๆ!’
เสียงความวุ่นวายดังขึ้นในห้องพัก ราวกับมีใครบางคนเดินมายืนอยู่ข้างเตียงของเธอ ความคิดในหัวหลี่เฟยฮวาก็พลันหยุดลง เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ
และต้องตกตะลึง เมื่อเห็นหวงหมิงลู่ สามีที่เธอไม่ได้พบมานานเกือบเดือน
“หวงหมิงลู่?” เธออุทานออกมาด้วยเสียงตกใจ รีบลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างรวดเร็ว “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่!”
หวงหมิงลู่เห็นท่าทางรุนแรงของเธอ จึงขมวดคิ้วพร้อมพูดเตือนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เธอยังให้น้ำเกลืออยู่ ระวังเลือดไหลย้อนสิ”
หลี่เฟยฮวากระพริบตาถี่ ๆ พยายามรวบรวมสติ มองไปรอบตัว และพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาล
‘นี่ฉัน… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
เธออ้าปากค้าง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสับสน “ฉัน… เป็นอะไรไปเหรอ?”
หวงหมิงลู่ถอนหายใจเบา ๆ ราวกับพยายามระงับความกังวล “เธอเป็นลมในห้องเรียน ลู่อันหยางพาเธอมาส่งโรงพยาบาล หลังจากตรวจร่างกาย หมอบอกว่าเธอขาดสารอาหาร”
“หา?” หลี่เฟยฮวาอุทานด้วยความตกใจ “ฉันเนี่ยนะขาดสารอาหาร? เป็นไปได้ยังไง!”
แม้ว่าร่างกายเธอจะบอบบางไปบ้าง แต่ด้วยวัยเพียง 20 ปี ต่อให้นอนดึกตื่นสายมาตลอดเดือน เธอก็ไม่คิดว่าอาการจะถึงขั้นเป็นลมแบบนี้!
หวงหมิงลู่เห็นเธอมีสีหน้าตกตะลึงก็อดไม่ได้ที่จะเคาะศีรษะเธอเบา ๆ “ยังจะเถียงอีก”
หลี่เฟยฮวาทำหน้าน้อยใจ เบ้ปากเล็กน้อยพลางมองหน้าเขาอย่างขัดเคือง
หวงหมิงลู่ถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หลี่เฟยฮวา สองเดือนที่ผ่านมา เธอกินแต่ผัดหมี่ซั่วมาตลอดเลยใช่ไหม?”
หลี่เฟยฮวาชะงัก เธอหลุบตาลงมองพื้น ไม่กล้าสบตาเขา “ฉัน… เอ่อ… ก็ไม่ได้กินหมี่ซั่วตลอดสองเดือนหรอก… บางครั้งก็เปลี่ยนไปกินอย่างอื่นบ้าง…”
หวงหมิงลู่เลิกคิ้ว ก่อนเค้นถามต่อ “แล้วมื้อกลางวันล่ะ เธอกินอะไร?”
หลี่เฟยฮวายังคงหลบสายตา ตอบเสียงเบา “…ผัดหมี่ซั่ว”
ชั่วขณะนั้น บรรยากาศในห้องผู้ป่วยเงียบสนิท
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงหัวเราะแปลก ๆ ก็ดังขึ้น หวงหมิงลู่หัวเราะในลำคอก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“หลี่เฟยฮวา ในอีกครึ่งปีข้างหน้า เธอต้องบอกลาผัดหมี่ซั่วของเธอแล้วล่ะ”
“!!”
หลี่เฟยฮวาเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าตกใจ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตา เธอรู้สึกว่าสาเหตุที่ทำให้ตัวเองขาดสารอาหารนั้นช่างน่าอับอายเกินไป จึงรีบก้มหน้าลงอีกครั้ง ทำท่าเหมือนไม่อยากสนใจใคร
เธอรู้สึกอับอายจริง ๆ ที่ตัวเองซึ่งตั้งใจจะกินข้าวทุกวัน กลับกลายเป็นคนขาดสารอาหารเพราะกินแต่อาหารเดิมซ้ำ ๆ
ในใจเธอแอบคิดอยากถามว่า ถ้ากินผัดหมี่ซั่วสัปดาห์ละครั้งจะได้ไหม แต่คำพูดนั้นกลับติดอยู่ในลำคอ ไม่กล้าเอ่ยออกมา
หมอที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งฟังบทสนทนามาตลอดก็อดรู้สึกแปลกประหลาดไม่ได้ แต่ยังคงรักษามารยาทด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ต่อไปควรกินอาหารที่หลากหลายและมีประโยชน์มากขึ้นนะครับ ถ้าเป็นไปได้ กินเนื้อสัตว์และผักผลไม้ให้ครบ และอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ การเป็นลมครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการขาดสารอาหารเพียงอย่างเดียว แต่การอดหลับอดนอนก็มีส่วนสำคัญ”
หลี่เฟยฮวายังคงก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไร
หวงหมิงลู่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบคุณหมอ “ขอบคุณมากครับ ต่อไปผมจะดูแลเธอให้ดีขึ้น”
คุณหมอพยักหน้าอย่างพอใจ “ดีแล้วครับ คนไข้ยังเรียนอยู่ใช่ไหม? ผมแนะนำให้ลาหยุดกลับบ้านพักผ่อนสักสองวัน ให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ก่อนค่อยกลับไปเรียน ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว อย่าอดนอนแบบนี้อีกเลย”
คุณหมออธิบายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ขณะที่หวงหมิงลู่ตั้งใจฟังและถามแทรกเป็นระยะ
แม้เขาจะไม่ใช่คนที่มีปัญหาสุขภาพ แต่คำเตือนเกี่ยวกับอันตรายจากการอดนอนก็ทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย
ก่อนคุณหมอจะเดินออกจากห้อง หวงหมิงลู่ย้ำกับเขาอีกครั้ง “ผมจะดูแลเธอเองครับ”
หลี่เฟยฮวาซึ่งนั่งหดตัวอยู่บนเตียงคนไข้ ทำตัวราวกับอยากจมหายไปในเตียงด้วยความอับอาย
หลังจากคุณหมอออกไป เธอจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ถามด้วยน้ำเสียงเบา “เอ่อ… ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่?”
หวงหมิงลู่ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ก่อนตอบ “พรุ่งนี้เช้าก็กลับบ้านได้แล้ว”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรต่อ
หวงหมิงลู่ถอนหายใจ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เธอได้ยินคำพูดของหมอแล้วใช่ไหม? ลาหยุดสักหนึ่งสัปดาห์ แล้วพักผ่อนที่บ้านให้เต็มที่ดีกว่า”
หลี่เฟยฮวาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อนึกถึงว่าเธอเรียนหลักสูตรเกือบเสร็จแล้ว และการหยุดพักหนึ่งสัปดาห์ไม่น่าจะกระทบอะไร เธอจึงพยักหน้าตอบ “ก็ได้”
MANGA DISCUSSION