ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 136 ร่ำรวยจริง ๆ!
บทที่ 136 ร่ำรวยจริง ๆ!
เมื่อได้ยินเสียงของผู้พิทักษ์อีกครั้ง ชิวเอ้อก็หวาดกลัวขึ้นมาอย่างมิอาจพรรณนา “ต้องมีอันตรายอยู่ข้างในแน่!”
”อันตรายอันใด ประเดี๋ยวเข้าไปก็รู้แล้ว” ลู่เฉินพูดขณะที่สาวเท้าไป ทำให้ชิวเอ้อต้องรีบตามไป
ยามนี้เอง ประตูพลันปิดลงจนเกิดเสียงดัง ‘ตึง’
ลู่เฉินไม่สนใจ แต่เป็นชิวเอ้อที่ตะโกนด้วยความตกใจแทน
สตรีในความมืดยิ้มให้ชายหนุ่ม “จากนี้ ข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสว่าสิ่งใดคือการทรมานยิ่งกว่าความตาย!”
หลังจากพูดจบ ทั่วบริเวณก็ค่อย ๆ ปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ
ในไม่ช้าไอภูตผีที่น่ากลัวพลันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อยื่นมือออกไปก็แทบมองไม่เห็นแม้เพียงเงา!
ชิวเอ้อรู้สึกทรมานร้อนใจ เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะเป็นผู้ฝึกวิถีภูต แต่ไม่สามารถทนไอภูตผีที่แข็งแกร่งหนาแน่นเช่นนี้ได้
แต่ลู่เฉินกลับไม่เป็นอันใดเลยสักนิด!
สิ่งนี่ทำให้สตรีในความมืดตกใจ “เหตุใดเจ้าถึงไม่กลัวไอภูตผีเหล่านี้?”
“เหตุใดต้องกลัว?” ชายหนุ่มย้อนถามอย่างไม่แยแส
คำพูดนี้ทำให้ผู้ฟังโกรธขึ้นมา จึงกล่าวเหยียดหยามทันทีว่า “เจ้าอย่าหยิ่งให้มันมากนักเลย!”
”ข้าคิดว่าเจ้าควรยอมแพ้!” ลู่เฉินพูดคำหนึ่ง ทำให้สตรีคนนั้นอ้าปากค้าง “ยอมแพ้?”
”ใช่ การยอมแพ้คือทางเลือกของเจ้า!”
“แค่เจ้าคนเดียวน่ะสิไม่ว่า!” สตรีผู้นั้นทนไม่ได้อีกต่อไป นางลอยอยู่กลางอากาศที่ล้อมรอบด้วยไอภูตผีเหมือนเงาเลือนราง
ลู่เฉินกลับหัวเราะเยาะ “เจ้าเต็มใจที่จะออกมาหรือไม่?”
“เจ้าหนุ่ม ครานี้ข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตายแน่นอน!”
สิ้นเสียงประกาศิต ไอภูตผีที่รายล้อมอยู่ก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างของนาง
ชิวเอ้อรู้สึกหวั่นเกรง “นะ… นางกำลังดูดซับไอภูตผี และกำลังดูดซับเข้าไปจำนวนมาก!”
”อย่าห่วง ไม่มีอันใดหรอก มันก็แค่ปาหี่” ลู่เฉินพูดอย่างใจเย็น
ทว่าชิวเอ้อจะถือว่ามันไม่มีอันใดเลยได้อย่างไร เพราะไอภูตผีเหล่านี้มีความเข้มข้นสูง และตอนนี้สตรีที่อยู่ตรงหน้าก็กำลังดูดซับมันอย่างบ้าคลั่ง แค่คิดก็น่ากลัวมากแล้ว!!
หลังจากที่สตรีผู้นั้นดูดซับมันเข้าไปพอสมควรแล้ว นางก็หยิบขลุ่ยออกมาอีกครั้ง
จากนั้นเสียงขลุ่ยอันทรงพลังก็ดังขึ้นทั่วบริเวณ
พลังนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมหลายสิบเท่า!
แม้ว่าชิวเอ้อจะเป็นผู้ฝึกวิถีภูตผี แต่เขาก็ยังตกใจจนเป็นลมล้มพับไป อีกทั้งสิ่งปลูกสร้างบางส่วนโดยรอบยังเริ่มแตกร้าว
แต่ลู่เฉินยังคงสบายดี และยังยืนยิ้ม “เจ้าเล่นพอหรือยัง?”
ดวงตาของสตรีเริ่มฉายความหวาดกลัว และจิตใจก็ร้อนรนขึ้นมา “เหตุใดถึงไม่เป็นอันใดเลย?”
ลู่เฉินนำธนูเงามารออกมา สตรีคนนั้นจึงไปซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลด้วยความตกใจ ก่อนที่นางจะพูดด้วยความโกรธ “พวกเราไม่มีความคับแค้นใดกับเจ้า เหตุใดถึงมาสร้างปัญหาที่นี่?”
“สร้างปัญหารึ? ข้าเปล่า ส่วนการไม่มีความแค้นต่อกันที่เจ้าพูดถึง เช่นนั้นข้าขอถาม… ว่าแล้วเหตุใดเจ้าถึงโจมตีข้าล่ะ?” ลู่เฉินถามกลับ
“ข้าโจมตีเจ้าเพราะเจ้าทำลายต้นไม้ผีของพวกเรา!”
”เช่นนั้นบอกข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใดต้นไม้ผีถึงถูกวางไว้ที่นั่น?” ลู่เฉินถามอย่างฉงน แต่สตรีคนนั้นกลับพูดอย่างโกรธเคืองว่า “เหตุใดข้าต้องบอกด้วย?”
”ข้าเป็นคนอยากรู้อยากเห็น เมื่อมีบางอย่างดึงดูดความสนใจ ข้าก็อยากค้นหาเป็นธรรมดา”
“จะ… เจ้ามันคนบ้า!” สตรีคนนั้นเกือบสบถด่าออกมา
“เจ้าพูดถูก ข้ามันบ้าจริง ๆ ฮ่าฮ่า!”
”เจ้า!” หญิงสาวลึกลับยากที่จะข่มโทสะได้อีก ในใจนางตอนนี้อยากจะเร้นกายหายไปให้รู้แล้วรู้รอด!
ส่วนชิวเอ้อที่คุกเข่าล้มลงไป หลังจากโคจรไอภูตผีเข้าไปในร่างแล้ว เขาก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และกล่าวอย่างสับสนงงงวย “ขะ… ข้ายังไม่ตายหรือ?”
“ยังไม่ตายน่ะสิ!” ลู่เฉินประคองร่างอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นและให้เขานำทางไป
ทว่าชิวเอ้อกลับเอ่ยอย่างลังเล “ท่านอาวุโส ท่านจะไปที่ใด?”
”ที่แห่งนี้มีส่วนใดที่น่าสนุกหรือไม่?”
“น่าสนุก?” ชิวเอ้อไม่เข้าใจเลยสักนิด
ชายหนุ่มที่ไม่มีทางเลือกอื่นจึงพูดว่า “ที่ที่มีเม็ดยาหรือสมบัติวิญญาณ หรือเคล็ดวิชาต่าง ๆ อันใดก็ได้”
ชิวเอ้อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “นี่…”
สตรีในความมืดถามว่า “เจ้าคิดจะทำอันใด?”
”ข้าไม่บอก ข้าจะเล่นสนุกกับหมู่บ้านของเจ้า!” ลู่เฉินหัวเราะร่าอย่างมีชัย ทำให้หญิงสาวนางนั้นตะคอกกลับมา “เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้ ข้าจะประนีประนอมหรือ?”
”ใช่!”
“ฝันไปเถอะ!” สตรีคนนั้นเริ่มดื้อรั้น
ทว่าลู่เฉินไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับนางอีกต่อไป เขาจึงหันมองไปที่ชิวเอ้อเพื่อขอคำตอบ
ชิวเอ้อที่ไม่มีทางเลือกใด เขาได้แต่พาชายหนุ่มเดินผ่านลานไป จนกระทั่งมาถึงหอคอย ซึ่งเรียกว่าหอภูตผี
”ปกติเราจะแลกเปลี่ยนสิ่งของกันที่นี่” ชิวเอ้อชี้ไปที่หอภูตผี
ลู่เฉินมองไปรอบ ๆ และพบว่ามีเขตกั้นสีดำล้อมรอบอยู่
”แม้แต่ที่นี่ก็ยังมีค่ายกล” เมื่อเห็นสิ่งนี้ชายหนุ่มพลันฉีกยิ้มกว้าง
ส่วนสตรีที่อยู่ในความมืดก็ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ค่ายกลนี่นอกจากท่านหัวหน้าที่เปิดได้ ก็ไม่มีผู้ใดสามารถเปิดได้อีก!”
”คนอื่นอาจทำไม่ได้…. แต่สำหรับข้ามันง่ายมาก!!”
”ชิ เจ้าอย่าขี้โม้หน่อยเลย!” อีกฝ่ายหัวเราะเยาะ แต่ลู่เฉินเดินไปที่ประตูแล้ววางมือลงเขตกั้นสีดำ
ครู่ต่อมาเขตกั้นสีดำนี้ก็มีพลังมหาศาลปะทุออกมา
ทว่าพลังนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับลู่เฉิน ตรงกันข้าม เขากลับพบข้อบกพร่องได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงชักกระบี่สยบเก้าทิศออกมา และปล่อยปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนให้บินไปในทิศทางต่าง ๆ
ตู้ม!
เขตกั้นสีดำสลายหายไปทันที…
“กะ… เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?” สตรีผู้อยู่ในความมืดตกตะลึงนิ่งงันไปชั่วขณะ
ชิวเอ้อเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
ทว่าลู่เฉินกลับฉีกยิ้มเป็นคำตอบ ก่อนที่เขาจะผลักประตูเข้าไป “ขอบใจมาก!”
“เจ้า!” หญิงสาวโกรธจัด ก่อนที่นางจะหายไปจากตรงนั้นทันที
หลังจากที่เข้าไปในหอคอย เขาก็เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง และทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนวิถีภูตผี!
ลู่เฉินหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ที่แห่งนี้มีของดีมากมายจริง ๆ”
ชิวเอ้อที่ได้เห็นก็รู้สึกอิจฉา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปที่กองยากองหนึ่ง แข้งขาของเขาพลันอ่อนแรง ปากบ่นงึมงำว่า “นี่ นี่มัน…”
ลู่เฉินใช้ถุงสุญญะญาณจัดการกับของในนี้อย่างรวดเร็ว
แต่มีของมากเกินไป ทำให้ต้องใช้ถุงสุญญะญาณมากมายเพื่อจัดการกับมันทั้งหมด
ในที่สุด ชิวเอ้อที่อยู่ด้านข้างก็เข้าใจว่าเหตุใดลู่เฉินถึงมาที่นี่
โดยเฉพาะเมื่อมองดูของหลายอย่างที่เข้าไปอยู่ในถุงพวกนั้นแล้ว ชิวเอ้อก็ถอนหายใจเฮือก “คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาปล้นหมู่บ้านนี้!”
ทว่าชายหนุ่มไม่สนใจว่าอีกฝ่ายคิดอันใดอยู่ แต่ยังคงง่วนทำงานของตัวเองต่อไป
…
ในห้องลับภายในหมู่บ้าน สตรีที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งภูตผียืนอยู่ที่ประตูหินและพูดอย่างรีบร้อนว่า “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ!”
“เกิดอันใดขึ้น?” เสียงชราถามขึ้นที่หลังประตูหิน
สตรีคนนั้นอธิบายทุกอย่างโดยละเอียด แต่เสียงแก่ชราด้านหลังประตูหินกลับดูงุนงง “ขั้นสร้างรากฐาน?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ แต่แปลกมาก เขาสามารถมองผ่านเคล็ดวิชาภูตผีของข้าได้!” สตรีคนนั้นพูดอย่างร้อนใจ
”โอ้? ตอนนี้อยู่ที่ใด?”
“ในหอภูตผีเจ้าค่ะ!”
“เขาไปทำอันใดที่นั่น?”
“ข้าว่า…” สตรีผู้นั้นไม่รู้จะเอ่ยวาจาใด
เมื่อคาดเดาถึงบางสิ่งได้ เสียงจากอีกฝั่งของประตูหินก็พลันเปลี่ยนไป “ข้าอยากเห็นนัก… ใครมันกล้ามาขโมยของในที่ของข้า!”
ว่าแล้วประตูหินก็เปิดออก ก่อนที่เงาดำสายหนึ่งจะทะยานออกไป
สตรีคนนั้นจึงรีบตามไปไม่ห่าง
…
ในยามนี้ลู่เฉินได้เก็บของดีทั้งหมดในหอคอยไปแล้ว และเขาก็กำลังพึมพำกับตัวเองว่า “ของเหล่านี้น่าจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย”
ทันใดนั้นกลิ่นอายอันทรงพลังก็แผ่ออกมาจากนอกประตู
ชิวเอ้อสั่นกลัวจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น “ปะ… เป็นท่านหัวหน้าหมู่บ้าน…”