การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 615 กำจัด (1)
บทที่ 615 กำจัด (1)
บทที่ 615 กำจัด (1)
ยังไม่ทันที่หัวเฟยเฟิ่งจะกล่าว ถังซวงก็มองไปที่หัวเทียนจางพลางกล่าวว่า “คุณทวดดูไม่ออกหรือว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ดู ๆ แล้วเหมือนคุณทวดจะสายตาพร่ามัวตามอายุจริง ๆ ค่ะ ทำไมไม่ลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูล แล้วให้เสี่ยวเซวี่ยเข้ามารับหน้าที่ก็สิ้นเรื่อง”
“ซวงเอ๋อร์ นี่เหลน…”
หัวเทียนจางถูกถังซวงทำให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก หลังจากพยายามสงบสติอารมณ์ได้ สุดท้ายก็กล่าวว่า
“พวกเธอก่อความวุ่นวายอะไรกัน”
“คุณทวดคะ พวกเราไม่ได้ก่อความวุ่นวาย มีคนต้องการที่จะจับตัวเราแล้วขึ้นรับตำแหน่งผู้นำตระกูล เราจึงต้องปกป้องตัวเอง คนพวกนั้นต่างหากที่ก่อเรื่อง” ในขณะที่กล่าว เธอก็ชี้ตรงไปที่หัวเฟยหลงด้วยสายตากล่าวโทษ
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของถังซวง หัวยี่ฮวนก็โกรธมากจนหน้าตาดูไม่ได้
“ถังซวง เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นเธอที่หาเรื่อง แต่กลับไม่ยอมรับแล้วยังใส่ความพวกเราว่าเป็นคนผิด ใครกันแน่ที่ก่อเรื่อง”
“แน่นอนว่าเป็นพวกเธอนั่นแหละ ใครใช้ให้พวกเธอกลับมาแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลกัน”
เมื่อกล่าวจบ ถังซวงหันหน้าไปมองหัวเทียนจางขมวดคิ้วพลางกล่าว “คุณทวดคะ วันนี้คุณทานอะไรเข้าไป?”
เธอไม่สังเกตเห็นในตอนแรก ทว่าตอนนี้เธอกลับรับรู้ได้ว่าสีหน้าของหัวเทียนจางผิดปกติ เธอจึงก้าวไปข้างหน้าแล้วคว้าข้อมือของหัวเทียนจางไว้
หัวเทียนจางจึงถูกถังซวงจับเอาไว้โดยไม่ทันได้รู้ตัว
ถังซวงจับชีพจรหัวเทียนจางดูอย่างละเอียด และได้กลิ่นข้าวสาลีจากเขา
ขณะนี้เอง หัวเฟยเฟิ่งเองก็สังเกตได้ถึงความไม่ปกติ เธอมองไปที่ถังซวงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล และเอ่ยถาม “ซวงเอ๋อร์ คุณทวดเป็นอะไรไป?”
หลังจากที่ถังซวงจับชีพจรของหัวเทียนจางเสร็จแล้ว เธอกล่าวพลางขมวดคิ้ว
“ถูกยาพิษ”
“อะ… อะไรนะ…”
หัวเฟยเฟิ่งมองไปที่ถังซวงอย่างไม่เชื่อ จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้ากังวลทันทีและเอ่ยถาม “ซวงเอ๋อร์ คุณทวดของหลานถูกวางยาพิษจริง ๆ หรือ? เขาถูกวางยาพิษอะไร?”
“เป็นยาพิษร้ายไร้สีไร้กลิ่น ถ้าไม่มียาแก้พิษ จะอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้”
“อะ… อะไรนะ… เป็นไปไม่ได้…”
หัวเฟยเฟิ่งตื่นตระหนกขึ้นมาทันที และเธอก็รู้ดีว่าถังซวงไม่ได้โกหกแน่นอน ด้วยเหตุนี้เธอจึงดึงถังซวงเอาไว้ให้ไปจับชีพจรของหัวเทียนจางอีกครั้งด้วยใบหน้าตื่นตกใจ “ซวงเอ๋อร์ หลานจับชีพจรของคุณทวดดูอีกครั้งที หลานมีวิธีช่วยท่าน หลานมีวิธีใช่ไหม”
ถังซวงหยิบยาถอนเพียงเม็ดเดียวที่มีออกมาให้หัวเทียนจางทันทีโดยไม่ลังเล แล้วกล่าวว่า “คุณทวด ทานยานี่ก่อนค่ะ”
แต่หัวเทียนจางกลับไม่รับไว้ เขามองตรงไปที่ถังซวงแล้วเอ่ยถาม “ซวงเอ๋อร์ ทวดโดนวางยาจริง ๆ หรือ?”
“ใช่ ตอนนี้ยังโดนพิษไม่มาก น่าจะโดนวางยาเมื่อเช้า เช้าวันนี้คุณทวดทานอะไรไปบ้าง?”
เมื่อได้ยินดังนี้ หัวเทียนจางหันหน้าไปมองหัวเฟยหลง
สิ่งที่เขาทานเหมือนเดิมตามปกติ แต่ที่ต่างก็คือถ้วยยาบำรุงที่หัวเฟยหลงยกมาให้โดยบอกว่าเพื่อบำรุงร่างกายของเขา เมื่อคิดดูแล้วก็น่าจะเกี่ยวกับถ้วยยาบำรุงนั่น
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวเทียนจางก็มองตรงไปหัวเฟยหลงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและความเจ็บปวด “เฟยหลง เธอ… เธอมันช่างน่าผิดหวังจริง ๆ ฉันไม่คิดเลยว่าเธอต้องการจะเอาชีวิตฉัน”
“เปล่า… ผมเปล่า…”
หัวเฟยหลงกล่าวปฏิเสธ “ยานี้ไม่อันตรายถึงชีวิต มันแค่ทำให้พ่อขยับตัวไม่ได้เท่านั้น”
เมื่อหัวโย่วเฉิงได้ยินหัวเฟยหลงกล่าว ก็รู้สึกเป็นครั้งแรกว่าตัวเองได้ทำอะไรผิดไป ทำไมเขาถึงคิดผลักคนโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำตระกูล หากหัวเฟยหลงขึ้นเป็นผู้นำตระกูลก็คงไม่มีประโยชน์อะไร คนที่มีเพียงความทะเยอทะยาน แต่ไร้ความสามารถ จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จได้อย่างไร
หัวโย่วเฉิงเห็นหัวเฟยหลงยังตะลึงนิ่งอยู่ตรงนั้น จึงกล่าวด้วยความโกรธ “หัวเฟยหลง แกยังยืนนิ่งอยู่ทำซากอะไร นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเราแล้ว”
แม้แต่เขาเองยังคาดไม่ถึงว่าถังซวงและหัวเฟยเฟิ่งจะเตรียมตัวก่อนหน้าขนาดนี้ คิดเอาไว้ว่าแผนไร้ข้อผิดพลาดแต่สุดท้ายพวกเขากลับรับมือไม่ทัน
เมื่อได้ยินดังนั้น หัวเฟยหลงก็ได้สติในที่สุด
เขามองไปที่หัวเทียนจาง จากนั้นสายตาของเขาก็เย็นชาลงในทันที เมื่อรู้ว่าตนถูกหัวโย่วเฉิงหลอก ยานั้นไม่ได้ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ยานั้นอันตรายถึงชีวิต ทว่าตอนนี้เขาลงเรือลำเดียวกันกับหัวโย่วเฉิงแล้ว ไม่มีทางให้ถอยกลับใด ๆ อีก
เมื่อหัวเทียนจางเห็นหัวเฟยหลงที่เป็นแบบนี้ ก็รู้ได้ว่าเขาเป็นคนวางยาพิษนั้นจริง ๆ และรู้สึกผิดหวังอย่างไม่สามารถอธิบายได้
เมื่อถังซวงเห็นว่าหัวเทียนจางไม่เคลื่อนไหว เธอถอนหายใจออกมาแล้วยัดยาเข้าไปในปากชายชราทันที “คุณทวด ยาตัวนี้มีค่ามาก จำไว้ด้วยนะคะว่าคุณต้องหาตัวยาทั้งหมดมาคืนหนู”
เมื่อได้ยินว่าถังซวงยังคงเรียกตนเองว่า ‘คุณทวด’ หัวเทียนจางจึงมองเธอด้วยรอยยิ้มฝืนพลางกล่าวกับเธอว่า “ซวงเอ๋อร์ ทวดถูกวางยาพิษเข้าให้แล้ว เหลนจะยังจำตอนที่ทวดเข้าข้างพวกหัวเฟยหลงได้ไหม”
เมื่อได้ยินดังนี้ ถังซวงเหลือบมองหัวเทียนจาง และกล่าวว่า “คุณทวด คุณทวดรู้ไหมว่ายาที่กินเข้าไปเมื่อครู่นี้คือยาอะไร มันคือยาคืนชีพของตระกูลถังของเรา แม้ว่าคุณจะเหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายมันก็สามารถพากลับมาจากประตูแห่งความตายได้ เพราะฉะนั้นพิษในร่างกายก็ทำอะไรคุณทวดไม่ได้ค่ะ”
หัวเทียนจาง “…”
เขาแค่อยากจะย่นระยะห่างของตนกับเหลนสาวเพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าซวงเอ๋อร์จะปิดกั้นทางเอาไว้เสียแล้ว
ถังซวงไม่ได้พูดอะไรกับหัวเทียนจางอีก เธอหันเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง
แม้ว่าถังสือจะนำกำลังคนมาไม่น้อย แต่พวกของหัวโย่วเฉิงและหัวเฟยหลงเองก็ไม่น้อยเช่นกัน ถังซวงจึงไม่สามารถกำราบหมดได้ในทันที
“เฟยเฟิ่ง เดี๋ยวฉันไปช่วย”
หัวเทียนจางที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเหตุการณ์มาสักพักจึงตัดสินใจเข้าไปช่วย
หัวเฟยเฟิ่งละความสนใจไปมองคุณพ่อของเธอและกล่าวว่า “คุณพ่อเพิ่งทานยาไป ไปพักผ่อนให้ดีก่อนเถอะค่ะ ทางนี้หนูจัดการเองได้”
ไม่ทันที่หัวเทียนจางจะกล่าว โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานรีบวิ่งเข้ามา “พวกเราจะช่วยจัดการเองครับ คุณอยู่ข้าง ๆ คอยสังเกตสถานการณ์ดีกว่า” กล่าวจบทั้งสองก็รีบพุ่งเข้าไป
เมื่อหัวเทียนจางเห็นว่าจำนวนคนที่ตามหลังโม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานมามีไม่น้อย เขาก็หมดห่วง
ส่วนถังซวงที่เห็นว่าทั้งสองคนแก้ปัญหาได้ เธอก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรอีก
คนยิ่งล้อมรอบเข้ามามากขึ้น อุปสรรคของพวกหัวเฟยหลงและหัวโย่วเฉิงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ทั้งสองคนกระวนกระวายใจ ถังซวงจะไม่ให้โอกาสใด ๆ แก่พวกเขา เธอและถังสือควบคุมตัวพวกเขาเอาไว้
“ถังซวง เธอรู้แผนของพวกเราได้ยังไง?”