บทที่ 88 มาตลอด
นิ้วเรียวยาวเห็นข้อกระดูกชัดจับหน้าหนังสือหน้าหนึ่งไม่พลิกอยู่นาน ความมืดที่ถาโถมกำลังไหลพล่านในเบื้องลึกของสืออวี่ไป๋
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ‘แอ๊ด!’ เสียงประตูห้องน้ำดังขึ้น ไฟดับพรึ่บ ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด สืออวี่ไป๋ขมวดคิ้วท่ามกลางแสงสลัว
เสียงสวบสาบดังขึ้น แสงเทียนสลัวภายในห้องน้ำกำลังวูบไหวไปมา มันถูกมือขาวซีดป้องปิดอยู่ เงาร่างอรชรซึ่งเห็นได้เลือนรางกำลังเดินตรงมาที่เขา
ฝีเท้าของฉือฮวนเบาราวกับไร้เสียง ทุกก้าวต่างย่ำบนการเต้นของหัวใจเขา
ตึก!
ตึก ๆ!
ตึก ๆ ๆ!!!
เสียงหัวใจเต้นกลบทุกอย่าง เธอกัดปาก ป้องเทียนไว้ พยายามมองข้ามความโปร่งที่เหมือนมีแต่ไม่มีบนผิวหนัง เดินไปทางเงาร่างสูงใหญ่บนโซฟาทีละก้าว
“อวี่ไป๋”
เธอพูดชื่อของสืออวี่ไป๋อย่างแผ่วเบา หน้าต่างที่เปิดกว้างพลันมีลมหนาวพัดเข้ามาลูบไล้ผ้ามัสลินสีขาวบนร่างอันเลือนรางของเธอ
ตัดขาดด้วยแสงเทียนสลัว ตัดขาดด้วยความมืดในห้อง สายตาร้อนแรงนั้นทอดมองยาวนาน ทำให้ร่างกายเธอเกร็งขึ้นมาในพริบตาเพราะสายตาคู่นั้น
ฉือฮวนโน้มตัววางถาดเทียนบนโต๊ะข้างโซฟา เธอสบกับสายตารุ่มร้อนของสืออวี่ไป๋พอดี
ลังเลหลายชั่วอึดใจ เธอก็ดึงผ้ามัสลินบนกายแล้วปล่อยร่วงลงอย่างใจกล้า ผิวขาวเนียนพลันปรากฏต่อหน้าสามี
ผ้ามัสลินไหลร่วงลงต่อหน้าต่อตาสืออวี่ไป๋ ผ้าสีขาวติดกลิ่นหอมท่วมท้นบนกายเธอ โชยเข้าจมูกอย่างชวนให้สุขล้น เลือดในร่างราวกับเดือดพล่านในพริบตา
เขาเลิกคิ้ว
ภาพที่สะท้อนเข้าตาทำให้ม่านตาเขาหดแคบฉับพลัน
ผืนผ้าสีชมพู ไม่สิ หรืออาจเรียกว่าสายผ้ากำลังตัดกับผิวขาวราวหิมะของฉือฮวนอย่างงดงาม ส่วนเว้าโค้งที่ไม่อ้วนไม่บางเผยออกมาอย่างโดดเด่น
ลมหายใจของเขาราวกับย้อมด้วยความร้อนลวกของเลือด มันจึงเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงในชั่วพริบตา
“คุณรู้ไหมครับว่ากำลังทำอะไรอยู่?”
เสียงของเขาพลันแหบต่ำ แสงในตาเขาเคร่งขรึมและแฝงความต้องการอย่างล้ำลึก
ฉือฮวนกัดปาก ดวงตาฉ่ำน้ำ ได้แต่ตอบกลับเสียงเบาและเร็ว “รู้ค่ะ!”
“นี่คือของขวัญที่พี่ให้คุณมาเหรอครับ?”
“อืม”
เสียงของฉือฮวนราวกับอู้อี้ในลำคอ เธอขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจในปฏิกิริยาของสืออวี่ไป๋
เขาดูจะไม่ชอบแบบนี้นะ
ทันใดนั้นสืออวี่ไป๋ที่นั่งบนโซฟาก็ลุกขึ้นมา เงาร่างสูงใหญ่นำพาแรงกดดันมหาศาลมาด้วยทำให้เธอต้องกระถดเท้า จากนั้นไหล่ก็ถูกมือของสามีจับไว้อย่างไม่แรงไม่เบา
“คุณเต็มใจเหรอ?”
สืออวี่ไป๋ถามอย่างคาดไม่ถึง ฉือฮวนกลับเข้าใจ สายตาของเขาทั้งร้อนทั้งลวกราวกับจะเผาไหม้ตัวเธอ
เธอฝืนความแดงบนใบหูแล้วพยักหน้าเบา ๆ
“ผมจะถามอีกรอบ คุณยินดีเป็นภรรยาผม ไม่จากผมไปชั่วชีวิต และอยู่ร่วมกับผมอย่างสงบสุขด้วยใจจริงหรือเปล่าครับ?”
เสียงสุดท้ายของสืออวี่ไป๋ราวกับแฝงความสั่นเครือ
ใจของฉือฮวนถูกกระตุ้น รีบเหลือบตาตื่นเต้นและเฝ้ารอขึ้นมา
“ฉันยินดีค่ะ!”
ความรู้สึกรุนแรงในใจราวกับได้ระบายออกมา ณ ตอนนี้ ดวงตาสองข้างของฉือฮวนเปล่งประกายเป็นพิเศษ ใบหน้าที่งดงามอยู่แล้วยิ่งมีเสน่ห์จนไม่อาจละสายตาเพราะความเขินอายอาบย้อมใบหน้าของเธอ
“ครับ คุณเป็นคนเริ่มยั่วผมเองนะ คุณต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วย”
สืออวี่ไป๋อ้าปากพูดอย่างน่าเกรงขาม เขาจับบ่าเธอแล้วก้มลงจูบริมฝีปากเธออย่างดุดัน
จูบเร่าร้อนเสมือนพายุฝนฟ้าคะนอง ฉือฮวนราวกับดอกไม้น้อยที่สั่นระริกท่ามกลางสายลมและสายฝน เธอได้แต่ใช้แรงทั้งหมดปัดป่ายบนตัวเขา แขนนิ่มคล้องคอเขาอย่างอ่อนโยน คล้อยตามแรงปรารถนาของเขา
……
ครั้งนี้สืออวี่ไป๋ไม่ยับยั้งชั่งใจแล้ว ฉือฮวนจึงเปรียบเสมือนดอกไม้สีสดดอกหนึ่งที่ผลิบานอย่างไม่รู้อายในอ้อมกอดเขา
เธอกลายเป็นผู้หญิงของสืออวี่ไป๋อีกครั้ง
แม้ครั้งก่อนจะประสบกับความร้อนแรงของสืออวี่ไป๋มาแล้ว แต่ตอนนี้เธอถึงได้รู้ว่าค่าตอบแทนจากการยั่วยวนเขาคืออะไร
ค่ำคืนนี้สืออวี่ไป๋ที่อ่อนโยนมาตลอดกลายร่างเป็นหมาป่า เธอล่องลอยและดำดิ่งตามคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาอ่อนโยน ละเมียดละไม เอาใจใส่ความกลัวของเธออย่างระมัดระวัง ค่อย ๆ ให้เธอลิ้มลองความหวานทีละนิด ช่วงเวลาที่ล่องลอยและดำดิ่ง เธอเย้ายวนทรงเสน่ห์ ริมฝีปากที่อ้าขึ้นเล็กน้อยพึมพำชื่อเขาทีละนิดอย่างต่อเนื่อง
“สืออวี่ไป๋…อวี่ไป๋…อวี่…ไป๋…”
“อืม”
หางตาเขาขึ้นสีแดง ราวกับหมาป่าที่ไม่รู้จักเหนื่อย ดื่มด่ำกับการจูบเธออย่างไม่รู้เบื่อ จูบเบา ๆ เหมือนหยาดฝนที่ชะล้างเธอ
“ฮวนฮวน ชาตินี้อย่าได้คิดหนีผมไป”
ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย ตอนที่เธอใกล้จะสลบเหมือด พลันได้ยินคำประกาศิตอย่างอัดอั้นของเขาข้างหู
พอหลับไปในครั้งนี้ ตื่นขึ้นมาก็แดดจ้าฟ้าสว่างแล้ว แสงอาทิตย์จูบเท้าสะอาดของเธออย่างไม่รู้เหนื่อย ฉือฮวนครางออกมา เพียงขยับนิดเดียวก็ปวดบางจุด
เธอร้องซี้ดออกมา เจ็บจนตื่น
เมื่อลืมตา แสงแดดร้อนไหม้สาดบนผิวเธอจนร้อน สิ่งที่กระแทกสายตาเป็นอย่างแรกคือรอยแดงขนาดใหญ่
ฉือฮวนเกิดมาก็ผิวขาวมาก ผิวขาวเนียนสว่างแค่หยิกนิดเดียวก็เกิดรอยแดงแล้ว และรอยแดงแน่นขนัดเหมือนโดนยุงกัดนั้นก็มาจากการจูบของสืออวี่ไป๋ทั้งหมด
เมื่อนึกถึงความบ้าบิ่นและการปล่อยตัวปล่อยใจ ทำให้ฉือฮวนพลันหน้าแดงฉ่า
ใครจะคิดว่าสืออวี่ไป๋ที่มีภาพลักษณ์บัณฑิตละทางโลกจะตะกละตะกลามในเรื่องนี้จนเหมือนไม่รู้จักพอ
……
‘ไม่คิดแล้ว!’ ฉือฮวนใช้หมอนปิดหน้าแดง ๆ ของตัวเอง
แอ๊ด!
ประตูถูกเปิดออก ฉือฮวนตกใจเหมือนกระต่าย เธอรีบใช้ผ้าห่มปิดร่างกายตัวเองอย่างแน่นหนา
“ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงทุ้มแหบดังขึ้น ถ้าฟังดี ๆ จะสัมผัสได้ถึงความรื่นเริงในน้ำเสียง
ฉือฮวนตัวแข็ง หมอนที่ปิดหน้าอยู่ถูกดึงออกอย่างระแวดระวัง เธอโผล่ผมดำราวน้ำตกออกมาก่อน ตามด้วยหน้าผากเนียนและดวงตาฉ่ำน้ำแฝงความเขินอาย
ขนตาเรียวยาวพลันกะพริบ เธอมองร่างสูงร่างนั้นอย่างระวัง
เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เสื้อขาว กางเกงดำ กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกติดจนเม็ดสุดท้าย เขากลายเป็นผู้ชายที่ละทิ้งกิเลสและเคร่งขรึมคนนั้นอีกครั้ง ราวกับความเร่าร้อนและบ้าคลั่งเมื่อคืนนั้นเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
“เป็นยังไงบ้างครับ?”
มือเรียวเห็นข้อนิ้วดึงหมอนที่เธอกอดไว้แน่นออก เผยให้เห็นใบหน้าเล็กที่แต้มสีชมพูจากความอาย
ไม่ทันได้ตั้งตัว ฉือฮวนไม่มีที่จะหลบจึงได้แต่หลับตาเหมือนนกกระจอกเทศ
ข้างหูได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วจากลำคอเขา
ไม่รอให้เธอได้แยกแยะอย่างชัดเจน จูบแผ่วเบาราวปีกผีเสื้อก็ประทับที่ริมฝีปากเธอ
“จุ๊บ!”
เสียงดังกังวานทำให้ฉือฮวนรู้สึกอายจนถึงขีดสุดในตอนนี้เอง
ริมฝีปากชาราวกับทะลุไปถึงหัวใจ เธอเบิกตาจ้องเขาอย่างเขินอายและหงุดหงิด
ตาสองคู่สบกัน มุมปากสืออวี่ไป๋เผยรอยยิ้มได้ใจ
ฉือฮวนสัมผัสได้ถึงเจตนาของเขา อยากหารูมุดจนแทบทนไม่ไหว
ทำไมนะ ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมเขาไม่อายสักนิด ทั้งที่เมื่อคืนเขามุทะลุขนาดนั้น
ฉือฮวนได้เข้าใจสืออวี่ไป๋มากขึ้นอีกหน่อย
ผู้ชายคนนี้ไม่อายสักนิด
ในวินาทีต่อมาเธอก็ได้เปลี่ยนมุมมองใหม่อีกครั้ง
หัวตาและหางคิ้วของสืออวี่ไป๋เผยความอ่อนโยน จู่ ๆ เขาก็แนบชิดใบหูเธอแล้วกระซิบ “ยังเจ็บอยู่เหรอครับ?”
MANGA DISCUSSION