บทที่ 69 ตก
หลังฉือฮวนจากมา ตระกูลเฉิงและตระกูลเย่ต่างก็กล่าวโทษและโยนความรับผิดชอบใส่กัน ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องยุ่งเหยิงในพริบตา
เธอเดินไปหาสืออวี่ไป๋ด้วยรอยยิ้มจนคิ้ววาดโค้ง
“พวกเราไปกันเถอะ”
สืออวี่ไป๋มองคิ้วเจ้าเล่ห์ของเธอ แล้วยิ้มมุมปากจาง ๆ “ปีศาจตัวป่วน”
“คุณไม่ชอบเหรอ?”
ฉือฮวนเลิกคิ้วถาม
“เอ่อ…ชอบนะ”
สืออวี่ไป๋ตอบกลับ
มุมปากของฉือฮวนยิ้มกว้างขึ้น เธอเริ่มจับมือเขา “หลังจากดูการแสดงเรื่องเยี่ยมจบฉันก็เพลียมาก เราควรกลับบ้านเมื่อไร?”
“ไปที่สำนักงานและหอพักกับผมก่อน ผมจะเก็บข้าวของทำความสะอาด”
พูดจบทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันเข้าไปในอาคารสำนักงานรัฐบาลท้องถิ่น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉือฮวนที่มาถึงสถานที่ทำงานของสืออวี่ไป๋
พูดตามตรง ฉือฮวนแปลกใจเกี่ยวกับสืออวี่ไป๋ เธออยากรู้มาตลอดว่าสืออวี่ไป๋อาศัยความอุตสาหะแบบไหนในการปีนขึ้นสู่บัลลังก์ของชายที่ร่ำรวยที่สุด
การเติบโตด้านจิตใจในช่วงหลายสิบปีมานี้ต้องยากกว่าคนทั่วไปแน่
ห้องทำงานของสืออวี่ไป๋ตั้งอยู่ที่มุมตะวันตกเฉียงใต้ของอาคารสำนักงาน ก่อนเข้าไป ฉือฮวนกำหมัดแน่น เดินตามหลังสืออวี่ไป๋อย่างประหม่าจนสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้ง
“คุณอยากให้ฉันไปด้วยจริง ๆ เหรอ?”
ฉือฮวนถามอย่างไม่มั่นใจ ในเมื่อผู้ชายหลายคนมีข้อห้ามไม่พาภรรยาไปที่ทำงาน
“ถ้าไม่ชอบจะไม่ไปก็ได้นะ”
คำตอบของสืออวี่ไป๋เย็นชา
แต่ฉือฮวนก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ของคำพูดของเขาทันที ถ้าเธอไม่ไปจริง ๆ กลัวว่าเขาคงจะผิดหวังไม่น้อย
จะว่าไปสืออวี่ไป๋ทำงานในสำนักงานรัฐบาลท้องถิ่นมาหลายปีแล้ว แต่ภรรยาเขาไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าเพื่อนร่วมงานเลย
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือไม่น่าฟังแพร่สะพัดไปทั่ว เธอไม่รู้จริง ๆ ว่า สืออวี่ไป๋สามารถทนได้ยังไงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“ถ้าคุณไม่รังเกียจ ฉันก็จะเข้าไป”
ฉือฮวนจับแขนของสืออวี่ไป๋อย่างยินดี จากนั้นก็รู้สึกว่าอารมณ์ของเขาดีขึ้นบ้าง
เมื่อเปิดประตู ทันทีที่ทั้งสองปรากฏตัวที่ประตู เสียงในสำนักงานใหญ่ก็ดูจะเงียบลงทันที
ดวงตานับไม่ถ้วนจ้องใบหน้าฉือฮวน
ฉือฮวนเข้าใจท่าทีของคนเหล่านี้ ตระกูลเฉิงมาก่อปัญหาไว้ที่สำนักงานรัฐบาลท้องถิ่น เธอยังมีหน้าอยู่กับสืออวี่ไป๋ได้อย่างไร?
แม้แต่สืออวี่ไป๋ก็ถูกสายตาไม่ประสงค์ดีจับจ้อง
มีคนผิวปากพลางมองที่ฉือฮวนอย่างไร้ศีลธรรม และถามว่า “อวี่ไป๋ นี่คือใคร?”
นัยน์ตาของสืออวี่ไป๋เป็นประกายเย็นชา ริมฝีปากของเขาเม้มเหมือนมีดกรีด ไม่ตอบกลับ
หัวใจของฉือฮวนถูกบีบรัดแน่น เธอเริ่มกล่าวสวัสดี “สวัสดีค่ะทุกคน ฉันคือคนรักของสืออวี่ไป๋”
“โอ้ ที่แท้ก็พี่สะใภ้ สืออวี่ไป๋ทำงานในสำนักงานรัฐบาลท้องถิ่นมาหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่พี่สะใภ้แวะมา!”
ประโยคนี้แฝงนัยยะบางอย่าง ทำให้ใบหน้าฉือฮวนรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
คนกลุ่มหนึ่งเฝ้ามองฉือฮวนด้วยความสนุกสนาน
“พี่สะใภ้ กลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกเอะอะต้องการพบสืออวี่ไป๋คือใครเหรอ?”
“ได้ยินมาว่าคุณมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวกเขา?”
คนที่ถามคำถามนี้กับคนที่ผิวปากเป็นคนคนเดียวกัน เสื้อกล้ามที่สวมอยู่นั้นเบี้ยวจนมาอยู่ตรงคอ
ขณะที่เขากำลังพูด หลัวเชี่ยนลอบยิ้มอยู่ด้านข้าง ราวกับเธอกำลังดูละครเรื่องเด็ด
ทันทีที่เห็นหลัวเชี่ยน ฉือฮวนก็เข้าใจทุกอย่าง
ครั้งสุดท้ายที่เธอมาที่สำนักงานรัฐบาลท้องถิ่น เธอบังเอิญจับได้ว่าหลัวเชี่ยนตามเกาะแกะสืออวี่ไป๋ เธอวางแผนจะทำลายชื่อเสียงตัวเองแล้วใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้นเลื่อนตำแหน่งหรือไม่?
เกรงว่า…ฉันคงไม่อาจปล่อยให้เธอสมปรารถนาแล้วละ
ฉือฮวนสางผมของเธอให้เรียบ ทุกคนนึกว่าเธอจะละอายใจ แต่เธอกลับยิ้มพร้อมคิ้ววาดโค้ง
“ไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไง เอาเป็นว่าเป็นคนจากหมู่บ้านเดียวกัน และพวกเขาก็ตามติดหนึบเหมือนแผ่นกอเอี๊ยะ”
“งั้น… คุณกับพวกเขารู้จักกันเหรอ?”
ฉือฮวนมองตรงไปยังชายหนุ่มที่ถามคำถาม
ชายคนนี้ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะสงบและใจเย็นขนาดนี้ ท่าทางใจเย็นนี้ทำเอาเขาตกตะลึงไม่น้อย
หลังจากตกตะลึง หม่าฮว๋ายเหรินก็พูดว่า “อวี่ไป๋ ฉันเพิ่งเอาจดหมายให้ผู้อำนวยการ นายอยากจะลาออกจริง ๆ เหรอ?”
“อะไรนะ? ลาออก?”
คำพูดของหม่าฮว๋ายเหรินเสมือนก้อนหินตกน้ำ ทำให้เกิดคลื่นนับพันในทันที
“สืออวี่ไป๋ คุณอยากลาออกเหรอ?”
คนกลุ่มหนึ่งมองสืออวี่ไป๋ด้วยความประหลาดใจ
คนที่สะเทือนอารมณ์ที่สุดคือหลัวเชี่ยน
เธอไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน มองสืออวี่ไป๋ราวกับว่าเธอกำลังมองคนโง่หรือคนบ้า
“ใช่”
สืออวี่ไป๋ตอบเบา ๆ แล้วหันกลับมาแล้วพูดกับฉือฮวนว่า “นั่งลงที่โต๊ะทำงานผม เดี๋ยวผมกลับมา”
“ได้”
สืออวี่ไป๋นำฉือฮวนไปที่โต๊ะของเขา หันหลังเดินออกจากออฟฟิศใหญ่พร้อมกับหม่าฮว๋ายเหริน
ฉือฮวนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ตอนแรกเธอถูกดึงดูดด้วยรูปถ่ายครอบครัวบนโต๊ะ ครอบครัวสามคนถ่ายในสตูดิโอถ่ายภาพหลังจากที่เธอให้กำเนิดสือเยี่ยน
เพราะเธอต่อต้านการแต่งงานครั้งนี้อย่างสุดใจ ถึงขั้นเกลียดลูกชายตัวเอง ลูกจึงไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนของแม่ แต่ถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของสืออวี่ไป๋
ดวงตาของฉือฮวนเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความรังเกียจ ในขณะที่ดวงตาของสืออวี่ไป๋เย็นชาและสับสนเล็กน้อย เมื่อเขามองกล้อง ความสับสนเล็กน้อยนั้นถูกแทนที่ด้วยความระมัดระวังและความตื่นตัวเป็นส่วนใหญ่
เยี่ยนเยี่ยนน้อยลืมตาโตสีขาวดำด้วยความสับสน บางทีอาจรู้สึกถึงบรรยากาศน่าอึดอัดระหว่างพ่อแม่ เขากำหมัดเล็ก ๆ สองหมัดและเม้มริมฝีปากสีชมพูแน่น
นี่คือภาพครอบครัวที่ไม่มีความสุข
หลังจากให้ความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นในการถ่ายภาพ ฉือฮวนไม่สนใจเลย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารูปถ่ายล้างเสร็จเมื่อไร
คิดไม่ถึงว่าสืออวี่ไป๋จะเอาภาพถ่ายใส่กรอบเรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะ
ฉือฮวนอดไม่ได้ที่จะมองรูปถ่ายพลางตกอยู่ในภวังค์
ในหูยังได้ยินเสียงซุบซิบของคนอื่นไม่หยุด
ก่อนหน้านี้ต่อหน้าสืออวี่ไป๋ คนเหล่านี้อาจกังวลไม่กล้าพูด
ตอนนี้สืออวี่ไป๋ไม่อยู่ที่นี่และหม่าฮว๋ายเหรินก็ไม่อยู่เช่นกัน จึงเริ่มเยาะเย้ยเธอต่อหน้า
“ทำไมสืออวี่ไป๋ถึงลาออก? เรื่องวันนี้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของสำนักงานรัฐบาลท้องถิ่นของเราเหรอ?”
“ฉันเดาว่าคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนไร้ยางอายแน่”
เสียงนั้นเป็นของหลัวเชี่ยนอย่างชัดเจน
“จุ๊ จุ๊ ถ้าฉันมีภรรยาแบบนี้ จะทุบตีเธอจนแยกทิศไม่ถูกเลย กล้าสวมเขาให้สามี ไม่รักชีวิตแล้วหรือไง!”
“สืออวี่ไป๋แสนดีจริง ๆ เกิดเรื่องทะเลาะกันถึงขั้นนี้ ยังไม่ยอมทิ้งภรรยาของเขาอีก”
“แต่ใบหน้าเธอก็สวยจริง ๆ”
มีคนพูดด้วยน้ำเสียงลามกและสูดปากของเขา
“ภรรยาที่สวยขนาดนั้น ให้คุณ คุณจะเอาไหม?”
หลัวเชี่ยนเริ่มเสนอเพื่อนร่วมงานด้วยคำพูดแปลก ๆ
คนที่พูดรีบปฏิเสธ “น้ำใจผู้หญิงยากจะยอมรับ ฉันไม่มีโชคแบบนั้น โชคลาภแบบนี้ยกให้สืออวี๋ไป๋ดีกว่า”
หมัดที่กำแน่นอยู่แล้วของฉือฮวนยิ่งกำแน่นขึ้นอีก
เธอคอยเตือนตัวเองอยู่ในใจเรื่อย ๆ ว่าคนเหล่านี้เป็นเพื่อนร่วมงานของสืออวี่ไป๋ ตอนนี้เขากำลังจะลาออกแล้ว ดังนั้นอย่าสร้างปัญหาในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
แต่เห็นได้ชัดว่าบางคนไม่อยากให้มันง่ายสำหรับเธอ
เมื่อเห็นเธอก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร หลัวเชี่ยนก็กัดฟัน ก้าวไปข้างหน้าเพื่อดันไหล่ฉือฮวน
“ฉือฮวน คุณไม่มีความละอายเลยเหรอ? คุณทำให้สืออวี่ไป๋ถึงขั้นลาออก ยังมีหน้าอยู่เคียงข้างเขาอีก!”
MANGA DISCUSSION