บทที่ 64 คล้ายฉบับที่เจ็ดที่คุณเขียนมากนะ
สืออวี่ไป๋ทิ้งสายตาบนใบหน้าเล็กของเธออยู่นาน นานจนเธอแทบหยุดหายใจ เขาถึงจะตอบ
เสียงเขาแหบแห้ง “ไม่เป็นไรครับ”
“นี่เป็นปัญหาของผม ไม่ใช่ของคุณ”
เขามองเธอผ่านแพขนตาหนา
ฉือฮวนไม่เข้าใจ
“หมายความว่ายังไงคะ?”
ราวกับสืออวี่ไป๋โล่งใจ มือใหญ่แสนอบอุ่นลูบผมเธอ พร้อมก้มมองจดหมายรักสีเหลืองซีดกองนั้น
“เดี๋ยวผมจะเก็บไว้ให้เอง”
ฉือฮวนยินดีเป็นอย่างยิ่ง ยังไงของพวกนี้ก็เหมือนเผือกร้อนลวกมือสำหรับเธออยู่แล้ว ไม่นับว่าเป็นอะไร ไม่สู้ส่งให้สืออวี่ไป๋จัดการดีกว่า
แต่หลังจากนั้นฉือฮวนก็เสียใจมากที่ส่งจดหมายรักพวกนี้ให้สืออวี่ไป๋
นี่คือเรื่องราวหลังจากนั้น
เมื่อกลับถึงบ้าน พวกเขากินข้าวพร้อมกันที่บ้านฉือ ไม่นานก็กลับเทศมณฑล
สืออวี่ไป๋เก็บจดหมายกองนั้นไว้ในห้องหนังสืออย่างระมัดระวัง ทุกครั้งที่ฉือฮวนเห็นจดหมายรักพวกนั้น ใบหน้าเล็กก็ซีดเซียวตลอด
ทว่าสืออวี่ไป๋กลับสนใจจดหมายเป็นพิเศษ ฉือฮวนเห็นเขาหยิบจดหมายซีดเหลืองขึ้นมาหนึ่งฉบับแล้วอ่านเงียบ ๆ ใต้แสงไฟ
ทุกครั้งที่เขาแตะจดหมาย ฉือฮวนอยากหายตัวไปทันที
ตอนที่เขาอ่านจดหมาย บางครั้งก็อารมณ์สงบนิ่งถึงขั้นล้อเธอประโยคสองประโยคและแก้ไขไวยากรณ์ให้เธอ
ฉือฮวนรับคำชี้แนะอย่างเจี๋ยมเจี้ยมด้วยใบหน้าแดงแจ๋
แต่อารมณ์มั่นคงของสืออวี่ไป๋มักสลายไปในพริบตา เขามักเหลือบมองเธอพร้อมหยักยิ้มเย็นเยาะหยัน
ทุกครั้งที่เห็นมุมโค้งที่มุมปากเขา เธอก็ชาไปทั้งร่าง
วันนี้ก็เหมือนกัน หลังจากส่งสองแม่ลูกเฉิน ฉู่หนิงหนิงและจางถิงแล้ว เธอก็คิดคำนวณรายได้วันนี้ กำลังจะไปบอกข่าวดีกับสืออวี่ไป๋ กลับเห็นชายหนุ่มนั่งหลังตรงอ่านอะไรบางอย่าง
เธอเดินไปหาด้วยความสงสัย ขณะกำลังจะเอ่ยปากก็ดันเหลือบไปเห็นกระดาษจดหมายสีเหลืองซีดเสียก่อน มุมปากเธอพลันแข็งค้างขึ้นมา ฉือฮวนหมุนตัวจะเดินหนี
เสียงเย็นเอ่ยรั้งเธอ “หนีอะไรครับ?”
ขาของฉือฮวนหยุดชะงักอยู่กับที่ แล้วหันกลับพร้อมยิ้มแห้ง มองสามีด้วยรอยยิ้มตาหยีไม่ได้พูดอะไร
“คุณ…อ่านจดหมายอีกแล้วนะคะ”
เธอเหลือบมองอย่างรังเกียจ จดหมายพวกนี้ทรมานใจเธอไม่น้อย เธอน่าจะไม่ฟังผู้เป็นสามีตั้งแต่แรก แล้วเผามันซะ
ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอจะได้ไม่ต้องมาเจออารมณ์ที่คาดเดาไม่ได้ของสืออวี่ไป๋
ช่วงนี้เธอเหนื่อยมากจริง ๆ
“อืม”
สายตาของสืออวี่ไป๋เคลื่อนจากจดหมายแล้วหยุดลงที่ใบหน้าจ๋องอันเห็นได้ชัดของฉือฮวน
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้คุณรับปากจะเขียนจดหมายรักให้ผมนี่ เขียนเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
ฉือฮวนพลันรู้สึกหืดขึ้นคอ “คะ? ช่วงนี้เหนื่อยมาก ฉันก็เลย…ลืมไปแล้วค่ะ…”
เธอกำลังขายความน่าสงสาร
สืออวี่ไป๋ขมวดคิ้ว “อย่างนี้นี่เอง…”
ตอนที่ฉือฮวนกำลังจะผ่อนหายใจเพราะนึกว่าเขาจะปล่อยเธอไปแล้ว กลับได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้นจากข้างหู
“ที่แท้การชอบใครสักคนก็มีมากมีน้อย ถ้าชอบมากก็เขียนจดหมายหลายฉบับได้ในคราวเดียว ถ้าชอบน้อยก็ไม่ยอมขยับปากกาเลยเพราะเหนื่อยล้า”
ฉือฮวนไหล่สั่น เธอพลันยืดตัวขึ้น
เมื่อเห็นสืออวี่ไป๋ที่เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ความเย็นเยียบก็พุ่งจากเท้าขึ้นหัว
“จู่ ๆ ฉันก็ไม่เหนื่อยแล้ว”
“สืออวี่ไป๋ ฉันจะไปเขียนเดี๋ยวนี้แหละค่ะ!”
เธอกำลังจะออกวิ่งอย่างรวดเร็ว
ขอหลบสายตาคมกริบของสืออวี่ไป๋ก่อนแล้วค่อยคิดแล้วกัน!
จากนั้นก็…
“วิ่งไปผิดทางแล้ว…”
สืออวี่ไป๋คว้าคอเสื้อเธอนิ่ง ๆ นิ้วเรียวเห็นข้อนิ้วชี้ไปทางห้องหนังสือ มุมปากยกยิ้มที่ดูยังไงก็เป็นรอยยิ้มเยาะ
ฉือฮวนยิ้มเก้อ ๆ
เธอฝืนยิ้มตาหยีออกมาแล้วถอยหลังเข้าประตูห้องหนังสือทีละก้าว เมื่อสัมผัสลูกบิดประตูก็ปิดประตูเสียงดังปัง
เมื่อมีประตูขวางกั้นสายตานั้น ใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งของฉือฮวนก็เริ่มกลับเป็นปกติ
ณ ห้องรับแขก มือเรียวยาวของสืออวี่ไป๋กำแน่น กระดาษจดหมายที่เรียบและเหลืองซีดพลันถูกขยำ
ช่วงเวลาหลังกินข้าวเย็นเสร็จของทุกวันกลายเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของฉือฮวน เธอกัดปากกาพยายามเค้นสมองว่าเขียนยังไงถึงจะดูจริงใจและร้อนแรง ต้องเขียนยังไงถึงจะดูแปลกใหม่ ไม่ซ้ำกับคำและรูปแบบของจดหมายรักก่อนหน้านั้น
นี่ทำให้ฉือฮวนลำบากแทบแย่
คำวิจารณ์ของสืออวี่ไป๋ยิ่งทำให้หน้าเธอยับย่นมากองรวมกัน
“จดหมายฉบับนี้คล้ายฉบับที่เจ็ดที่คุณเขียนมากนะ”
“คำซ้ำครับ เหมือนที่ผมเจอในฉบับที่เก้าเป๊ะ”
“ผมคิดว่าคุณเขียนได้จืดชืดมาก ยังห่างชั้นจากความร้อนแรงที่คุณเขียนก่อนหน้า”
นิ้วเรียวเห็นข้อของสืออวี่ไป๋เคาะบนโต๊ะ เขากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มภายใต้ไฟสีขาวนวล “ฮวนฮวน เขียนใหม่ครับ”
“ใส่อารมณ์ลงไปหน่อย เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้น”
ฉือฮวน…
ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสืออวี่ไป๋หน้าเนื้อใจเสือ*[1] ขนาดนี้?
เธอสงสัยว่าสืออวี่ไป๋แค่อิจฉาที่เธอเคยเขียนจดหมายรักให้เฉิงจื่อเฉียนมากมายขนาดนั้น เขาหึงหวงไหน้ำส้มแตกเลยใช้ข้ออ้างมาทรมานเธอ!
แต่ชายหนุ่มไม่ได้บีบคั้นจนเธอทนไม่ไหว ตอนที่เธอจะระเบิดอารมณ์ใส่ เขาก็จะใช้นัยน์ตาอ่อนโยนและเจ็บปวดจ้องเธอ
“ไม่อยากเขียนจดหมายรักให้ผมแล้วใช่ไหม?”
เขานวดกลางหว่างคิ้ว แผ่กลิ่นอายเศร้าสร้อยหงอยเหงา
“ไม่เป็นไรครับ ฮวนฮวน ไม่ต้องฝืนตัวเองนะ”
“ผมไม่บังคับคุณอยู่แล้ว”
ฉือฮวน “…”
ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ ความละอายและความปวดใจก็ถมทับเธอ
ความรู้สึกแตกสลายของสืออวี่ไป๋มันมากเกินไป เพียงดวงตาที่เอ่อล้นด้วยความหม่นหมองมองเธอ ใจเธอก็บางเหมือนกระดาษที่ม้วนเป็นก้อน อ่อนยวบยาบ
“ใครว่าล่ะคะ ฉัน…ฉัน…เต็มใจเขียนแน่นอนค่ะ”
“ฉันชอบคุณ การเขียนจดหมายเป็นการแสดงออกถึงความในใจ”
“หรือว่าคุณต้องการปฏิเสธความรู้สึกฉัน? ไม่อยากให้ฉันจีบคุณแล้ว?”
ตอนนี้สืออวี่ไป๋กลับเปลี่ยนไปเป็นจนปัญญาและเอ็นดูแทน
“จะเป็นอย่างนั้นได้ไงครับ ฮวนฮวน ผมไม่มีวันปฏิเสธคุณหรอก”
ฮวนฮวน…
ทุกครั้งที่สถานการณ์กลับตาลปัตรแบบนี้ ฉือฮวนก็จะนิ่งงัน
เกิดอะไรขึ้น!
ทั้งที่เธอกำลังจะโมโหแท้ ๆ ทำไมสุดท้ายถึงกลายเป็นว่าเธอผิดได้ล่ะ!
ฉือฮวนกัดปากอย่างหงุดหงิด ทำให้ปากแดงของเธอมีสีซีด
สืออวี่ไป๋เห็นท่าทางมีชีวิตชีวาของเธอ มุมปากหยักลึกขึ้นเรื่อย ๆ ในมุมลับสายตาอีกฝ่าย
ขณะที่ฉือฮวนมองอุบายของสืออวี่ไป๋ไม่ออก สือเยี่ยนน้อยกลับรู้ทุกอย่างดี
พอถึงเวลานี้ทุกครั้ง สือเยี่ยนก็มองฉือฮวนเหมือนอยากพูดอะไร แต่เจอสายตาเตือนของสือวี่ไป๋ตลอด
สือเยี่ยนได้แต่กลืนคำพูดลงไป
ในใจเขาดูถูกวิธีจีบภรรยาแบบนี้ของสืออวี่ไป๋มาก แต่เมื่อเห็นความสัมพันธ์ที่กลมเกลียวขึ้นเรื่อย ๆ ของพ่อแม่ เขาก็ได้แต่ทน
ฉือฮวนถูกทรมานทรกรรม ทุกวันต้องเค้นเขียนจดหมายรักออกมา
…
แม่เฉิงเห็นว่าเรื่องการปล่อยตัวเฉิงจื่อเฉียนออกจากคุกยังไม่มีความเคลื่อนไหว สุดท้ายก็อดที่จะไปหาเฉิงชิงชิงไม่ได้
เฉิงชิงชิงที่ได้ยินว่าจดหมายรักทั้งหมดตกอยู่ในมือสืออวี่ไป๋แล้ว พลันลุกขึ้นพรวด
“เธอเลอะเลือนไปแล้วหรือไง!”
“ทำไมถึงให้จดหมายไปหมดเลยล่ะ!”
แม่เฉิงก็กระวนกระวายเหมือนกัน “งั้นฉันมีทางเลือกไหม? ใครจะรู้ว่าสืออวี่ไป๋จะไม่สนเรื่องโดนสวมหมวกเขียวกันล่ะ?”
“แถมมันยังทำถึงขั้นข่มขู่ฉัน บอกว่าถ้าไม่ให้ก็จะปล่อยเฉิงจื่อเฉียนอยู่ในคุกจนคุกทะลุไปเลย”
“ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ ก็เลยส่งจดหมายคืนไป”
ลูกตาของเฉิงชิงชิงกลิ้งกลอกไปมา ไม่ช้าก็มีแผนในใจ
[1] หน้าเนื้อใจเสือ หมายถึง หน้าตาใจดี แต่ภายในกลับโหดร้าย
MANGA DISCUSSION